แหล่งปลูกองุ่นทั่วโลกส่อพินาศ อุณหภูมิ 2°C สูญเสียพื้นที่ 56%

แม้ว่าภาวะโลกร้อนจะยังไม่ถึงขั้นทำให้เราไม่มีน้ำดื่ม แต่มันมันรุนแรงมากพอที่จะทำให้เราไม่มีไวน์ดื่มกันแล้ว

จากการศึกษาและประเมินของทีมนักวิจัยที่เผยแพร่ผลงานใน Proceedings of the National Academy of Sciences (PNAS) พบว่า หากอุณหภูมิโลกร้อนขึ้น แหล่งผลิตไวน์จะพังพินาศ หากอุณหภูมิร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียสจะทำลายพื้นที่ปลูกไวน์ถึง 56%

แต่หากอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียส จะสูญเสียพื้นที่ผลิตไวน์ไปถึง 85%

นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยในแคนาดา สเปน ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ สวีเดน และสหรัฐอเมริกา ได้สร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่วิเคราะห์ช่วงเวลาของกระบวนการเติบโตขององุ่น 11 สายพันธุ์ และได้ผลลัพธ์ออกมาที่น่าตกใจ

นั่นคือในกรณีที่อุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียสความสูญเสียก็ถือว่าเกินครึ่งแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแยกเป็นพันธุ์ต่างๆ จะพบว่า องุ่นขาวพันธุ์ ugni blanc คาดว่าจะสูญเสีย 76% ของพื้นที่ปลูกที่เหมาะสม และพันธุ์ riesling จะเสียพื้นที่สูงถึง 66% ส่วนองุ่นแดง grenache คาดว่าจะสูญเสีย 31% ของพื้นที่เพาะปลูก

PNAS กล่าวว่า ภูมิภาคปลูกไวน์ที่อากาศเย็นกว่าที่อื่นๆ เช่น นิวซีแลนด์ แปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ และเยอรมนีจะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้

แม้ว่า นักดื่มอาจจะต้องทุกข์ทรมานกับแนวโน้มหายนะนี้ แต่ทีมงานวิจัยเสนอว่า หากปรับตัวด้านวิธีการเพาะปลูกได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ อุตสาหกรรมไวน์ก็อาจจะไม่ต้องสูญเสียมากขนาดนั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือจะต้องจำกัดภาวะโลกร้อนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หากเราไม่สามารถยับยั้งการเพิ่มอุณหภูมิได้ทัน อย่างน้อยแบบจำลองของทีมวิจัยก็ให้ความหวังกับเราได้โดยชี้ว่าหากพื้นที่เพาะปลุกเดิม สรรหาพันธุ์ใหม่ที่เหมาะสมกว่า ก็จะสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกเพียง 24% หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส หรือลดการสูญเสียมากกว่าครึ่งหนึ่ง

หากหากปรับตัวด้วยแนวทางนี้ได้ทันหากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ก็จะสูญเสียพื้นที่ 58%

ตัวอย่างเช่น พื้นที่ปลูกไวน์ที่เหมาะสำหรับพันธุ์ pinot noir เช่น ที่แอฟริกาใต้และที่แคว้นเบอร์กันดีในฝรั่งเศส ในอนาคตจะต้องเปลี่ยนมาเป็นองุ่นพันธุ์ syrah, monastrell และ grenache ซึ่งทนอากาศที่ร้อนขึ้นได้ดีกว่า

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาได้ง่ายๆ เพราะชื่อเสียงของไวเนอรี่ต่างๆ ขึ้นกับสภาพอากาศ ดิน น้ำ และกระบวนการที่สั่งสมมานานนับสิบหรือร้อยปี การเปลี่ยนสายพันธุ์อาจช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องแบรนดิ้งได้เลย

อ้างอิง:
Global heating may lead to wine shortage
https://www.theguardian.com/food/2020/jan/27/global-heating-may-lead-to-wine-shortage-vineyard

New warning for wine on climate threat

New warning for wine on climate threat

Surviving Climate Change: Replanting Wine Regions to Different Varieties May Be Key, Study Finds
https://www.winespectator.com/articles/surviving-climate-change-replanting-wine-regions-may-be-key

Related posts

กรรมการชาติเห็นชอบร่างพรบ.โลกร้อน เดินหน้าสู่เศรษกิจคาร์บอนต่ำ

ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ‘หอฟอกอากาศระดับเมือง’ คืนชีวิตให้คนกรุง อย่างไร

ชุบชีวิต ‘ขยะทะเล’ เพิ่มมูลค่า ชุมชนยั่งยืน ลดโลกร้อน