ยูเอ็นเตือนไฟป่ามหันตภัยโลกเพิ่มขึ้น 50% ภายในศตวรรษนี้สูญเสียทางเศรษฐกิจมหาศาล

ไฟป่าที่ทำลายล้างแคลิฟอร์เนีย ออสเตรเลีย และไซบีเรีย จะกลายเป็นไฟป่าที่เกิดบ่อยขึ้นถึง 50% ภายในสิ้นศตวรรษนี้ แม้กระทั่งประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบมาก่อนหน้านี้ก็มีแนวโน้มว่าจะเห็นไฟป่าลุกโชนขึ้นได้โดยไม่สามารถควบคุมได้

วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินกำลังผลักดันให้เกิดไฟป่าที่รุนแรงขึ้นทั่วโลก โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 14% ภายในปี 2573 และเพิ่มขึ้น 30% ภายในปี 2593 ตามรายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (Unep)

ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ไฟป่ากำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในทุกทวีปทั้งจากออสเตรเลียถึงแคนาดา สหรัฐอเมริกาถึงจีน ทั่วทั้งยุโรปและแอมะซอน ไม่เว้นแม้แต่แอนตาร์กติกา ซึ่งได้ทำลายสิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า สุขภาพของมนุษย์ และโครงสร้างพื้นฐาน

แม้ว่าการใช้ไฟในบางพื้นที่มีความจำเป็นสำหรับระบบนิเวศบางแห่งและบริหารจัดการอย่างถูกต้อง แต่รายงานฉบับนี้ได้พิจารณาเฉพาะไฟป่าซึ่งเกิดจากการเผาอย่างไร้การควบคุมซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสังคม เศรษฐกิจ หรือสิ่งแวดล้อม และจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก

รายงานได้ระบุว่า ควรใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการแก้ปัญหามากขึ้น โดยใช้ร่วมกับความรู้ของชนพื้นเมือง เพราะจากการวิจัยมานับศตวรรษพบว่าการที่ผู้คนเผาภูมิประเทศตามวิถีในแอฟริกานั้นน่าจะเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับปกป้องระบบนิเวศ

อย่างไรก็ตาม ไฟป่าทำให้วิกฤตสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้นด้วยการทำลายระบบนิเวศที่เพิ่มคาร์บอนมหาศาล เช่น พื้นที่พรุ ดินเยือกแข็งและป่าไม้ ทำให้ภูมิประเทศติดไฟได้มากขึ้น การฟื้นฟูระบบนิเวศ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่พรุจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้และสร้างบัฟเฟอร์ในภูมิประเทศได้

อิงเกอร์ แอนเดอร์สัน ผู้อำนวยการโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า “เราต้องลดความเสี่ยงของไฟป่าที่รุนแรงด้วยการเตรียมพร้อมให้ดีขึ้น ลงทุนมากขึ้นในการลดความเสี่ยงจากไฟไหม้ ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่น และเสริมสร้างความมุ่งมั่นระดับโลกในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”

รายงานที่มีชื่อว่า Spreading like Wildfire: The Rising Threat of Extraordinary Landscape Fires ที่พูดถึงความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของไฟป่าทั่วโลกแจะเผยแพร่ก่อนการประชุมสภาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEA -5.2) สมัยที่ 5 ที่ไนโรบี ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. นี้ถึง 2 มี.ค. 2022

รายงานระบุว่า ไฟป่าส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนที่สูดควันไฟเข้าไป เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและหลอดเลือดหัวใจ และกระทบต่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้เปราะบาง นอกจากนั้นยังกระทบต่อแหล่งต้นน้ำ การพังทลายของดิน เกิดปัญหาทางน้ำมากขึ้น กระทบสัตว์ป่าและแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ ส่งผลให้สัตว์และพืชบางชนิดใกล้สูญพันธุ์ ตัวอย่างเช่น ไฟป่าในออสเตรเลียในปี 2020 คาดว่าได้คร่าชีวิตสัตว์ป่าไปแล้วหลายพันล้านตัว

รายงานของ UNEP ระบุว่าไฟป่าได้สร้างความเสียหายทางทางเศรษฐกิจสูงถึง 347,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เฉพาะในแคลิฟอร์เนียรัฐบาลของรัฐต้องใช้เงินประมาณ 31,000 ล้านดอลลาร์ในการแก้ไฟป่าในปีงบประมาณ 2020-2021

ในขณะที่ล่าสุดเหตุการณ์ไฟป่าในอาร์เจนติน่าที่โหมกระหน่ำตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่แล้วในจังหวัด Corrientes ได้คร่าชีวิตสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติ Ibera และทุ่งเลี้ยงสัตว์รวมทั้งทำลายพืชผลมากกว่า 25,000 ล้านเปโซอาร์เจนตินา หรือประมาณ 296 ล้านดอลลาร์

นักวิจัยผู้เขียนรายงานนี้เรียกร้องให้แต่ละประเทศเพิ่มความตระหนักรู้ถึงอันตรายจากการสูดควันเข้าไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายสิบล้านคนต่อปี โดยเฉพาะไฟป่าขนาดใหญ่ที่พัดผ่านพรมแดนระหว่างประเทศระยะทางหลายพันไมล์

อ้างอิง:
Phoebe Weston (Feb 23, 2022) “Wildfires likely to increase by a third by 2050, warns UN” . The Guardian
(Feb 23, 2022) “Catastrophic wildfires could increase 50% by 2100, UN report says” . cbc
(Feb 23, 2022) “Number of wildfires to rise by 50% by 2100 and governments are not prepared, experts warn” . Unep

Related posts

มหาอำนาจโลกในมือ ‘ทรัมป์’ จุดจบการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ?

โลกจมกองพลาสติก ต้องเปลี่ยนวิธีผลิต ลดการบริโภค กำจัดอย่างยั่งยืน

อุณหภูมิทะลุ 3.1°C แผนลดก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 เป็นเรื่องเพ้อฝัน