รัสเซียเจอศึกสองด้าน ทั้งโลกร้อนและอภิมหาไฟป่า ลุกลามหลายพื้นที่เร็วกว่าปกติ

ช่วง 2 – 3 ปีมานี้รัสเซียต้องเจอกับไฟป่าระดับวิกฤตที่หนักขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ไซบีเรียไปจนถึงอาร์กติก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นก็จริง แต่มันกำลังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก และเกิดไฟป่ามากขึ้นตามไปด้วย

ตามปกติแล้วำไฟป่ามักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนหรือปลายฤดูใบไม้ร่วง แต่ The Siberian Times

สื่อในรัสเซียรายงานว่า การเริ่มต้นฤดูกาลไฟป่าในปี 2022 ในรัสเซียนั้นเร็วขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ลุกลามไปทั่วพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลของไซบีเรียตะวันตก ภาคกลาง ใต้ และตะวันออก

เทียบกับเมื่อปีที่แล้ว ไฟป่าครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นในเดือน มิ.ย. โดยป่าไทกาในไซบีเรียและภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซียได้รับผลกระทบจากไฟป่าอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ภายหลังเกิดความร้อนและความแห้งแล้งทำลายสถิติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และควันไฟป่าได้ลามถึงขั้วโลกเหนือ

คราวนี้มันอาจจะเลวร้ายลงกว่าเดิมเพราะมันเกิดขึ้นเร็วกกว่าเดิมอย่างน้อย 2-3 เดือน The Siberian Times ได้ติดตามเรื่องนี้มาตังแต่วันที่ 18 เม.ย. และพบว่าไฟป่าขยายวงอยางรวดเร็วและทำลายพื้นที่อุทยานแห่งชาติและระบบนิเวศที่มีความสำคัญของประเทศไปแล้ว 

แต่ Yamal-media สื่อในรัสเซียรายงานว่าในบางภูมิภาค ไฟไหม้ครั้งแรกเริ่มขึ้นในเดือน มี.ค. และในเดือน เม.ย. สถานการณ์เริ่มวิกฤต ในคากาเซียมีการพบไฟป่ามากกว่า 30 ครั้งในหนึ่งวัน และในภูมิภาคโนโวซิบริสก์เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องจัดการกับไฟหลายร้อยครั้งต่อวัน 

Kommersant สื่อในรัสเซียรายงานโดยอ้างอิงถึง Greenpeace Russia ว่าพื้นที่ที่เกิดไฟไหม้ในพื้นที่ธรรมชาติในรัสเซียในช่วงกลางเดือน เม.ย. เกินตัวเลขเดียวกันของปีที่แล้วถึงสองเท่า ตอนนี้ผู้อยู่อาศัยในเมืองออมสก์, โนโวซิบริสก์และคราโนยสัสก์สามารถสังเกตควันได้แล้ว

จากการรายงานของสื่อรัสเซียพบว่าไฟป่าลุกลามในหลายพื้นที่ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ปีที่แล้ว หากสถานการณ์เลวร้ายลง รัฐบาลรัสเซียอาจจต้องเกณฑ์ทหารมาช่วยดับไฟ แต่ปีนี้ต่างจากปีที่แล้วตรงที่ทหารรัสเซียจำนวนมากถูกส่งไปรบที่ยูเครน ทำให้รัสเซียต้องอยู่ในภาวะที่ต้องเลือกระหว่างการก่อสงครามกับมนุษย์กับการทำสงครามกับไฟป่า

ก่อนหน้านี้มีรายงานชื่อ Spreading like Wildfire: The Rising Threat of Extraordinary Landscape Fires ของ UNEP และองค์กร GRID-Arendal ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินคาดว่าจะทำให้ไฟป่าเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น โดยไฟที่รุนแรงทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 14% ภายในปี 2030 เพิ่ม 30% ภายในสิ้นปี 2050 และ 50% ภายในสิ้นศตวรรษ

รายงานยังพบความเสี่ยงเพิ่มขึ้นแม้ในแถบอาร์กติกและภูมิภาคอื่น ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า และผู้จัดทำรายงานเรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ เพิ่มงบประมาณ 2 ใน 3 เพื่อการวางแผน การป้องกัน การเตรียมพร้อม และการฟื้นฟู โดยจัดเงิน 1 ใน 3 ส่วนสำหรับการตอบสนองไฟป่า

GRID-Arendal ระบุว่าไฟป่าและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่างช่วยกันทวีความรุนแรงมากขึ้น ไฟป่าเลวร้ายลงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเนื่องจากความแห้งแล้งที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิอากาศสูง ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ ฟ้าผ่า และลมแรงส่งผลให้ฤดูเกิดไฟร้อนขึ้น แห้งขึ้น และยาวนานขึ้น 

ในเวลาเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เลวร้ายลงจากไฟป่า ส่วนใหญ่เกิดจากการทำลายระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนและอุดมไปด้วยคาร์บอน เช่น พื้นที่พรุและป่าฝน (รวมถึงพื้นที่ดินแข็งตลอดกาลในไซบีเรีย) ปรากฏการณ์นี้จะเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้กลายเป็นเตาถ่าน ทำให้ยากต่อการหยุดยั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้น

ข้อมูลจาก

  • “A very early start of 2022 wildfire season in Russia”. (April 19, 2022). The Siberian Times.
  • “Greenpeace Russia: forest fires in Russia started earlier than usual“. (April 19, 2022). Yamal-media.
  • “Experts Warn: Number of Wildfires To Rise by 50% by 2100 and Governments Are Not Prepared”. (Febuary 22, 2022). SciTechDaily.

Related posts

กรรมการชาติเห็นชอบร่างพรบ.โลกร้อน เดินหน้าสู่เศรษกิจคาร์บอนต่ำ

ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ‘หอฟอกอากาศระดับเมือง’ คืนชีวิตให้คนกรุง อย่างไร

ชุบชีวิต ‘ขยะทะเล’ เพิ่มมูลค่า ชุมชนยั่งยืน ลดโลกร้อน