รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมเชื่อมั่นหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมีความพร้อมที่จะพาประเทศไทยก้าวไปสู่สถานะ Carbon Neutrality เพื่อลูกหลานในอนาคต โดยขณะนี้ได้มีการผลักดันออก พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวบรรยายพิเศษ หัวข้อ “จากนโยบายสู่ความสำเร็จด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Actions and Achievement: From Policies to Implementation” ในการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference หรือ TCAC) ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา
นายวราวุธ กล่าวว่า จากปัญหา Climate Change ประเทศไทยจะต้องบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2065 หรือการทำให้อุณหภูมิโลกลดลง 1.5 องศาเซลเซียส สำหรับกระทรวงทรัพย์ มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะผลักดันนโยบายต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายตามกรอบอนุสัญญาฯ และความตกลงปารีส ที่ไทยได้ประกาศไว้ในการประชุม COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร
นายวราวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันการเกษตรสมัยใหม่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ผสมผสานกับภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือที่ตนเรียกว่า “Agri-Tech with Roots” ที่นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ร่วมกับองค์ความรู้ปราชญ์ชาวบ้าน มีการใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ ทำให้ผลผลิตมีราคาสูง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง
นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนจากโครงการ Thai Rice NAMA (ไทย ไรซ์ นามา) โครงการความร่วมมือระหว่างเยอรมนี และไทย ที่ได้เข้ามาช่วยพี่น้องชาวนาแก้ปัญหาโลกร้อน และช่วยส่งเสริมให้ผลิตข้าวได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยี และเทคนิคการปลูกข้าวแบบใช้น้ำน้อย ทำให้สามารถ เพิ่มผลผลิตข้าว เพิ่มคุณภาพข้าว เพิ่มรายได้ ลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้น้ำ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นายวราวุธ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า “แผนนโยบายของกระทรวงฯ เป็นแผนงานที่ส่งต่อให้หน่วยงานทั่วประเทศ นำไปลงมือปฏิบัติได้จริง ซึ่งหลาย ๆ นโยบายของเรา ลงมือทำจนสำเร็จแล้ว แต่เพิ่งนำมาบอกก็มี เราทำแล้วค่อยเอามาพูด ทั้งนี้เรายังมีภารกิจสำคัญที่ต้องผลักดันให้สำเร็จอย่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. …. ที่ไทยต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ข้อกฎหมายต่าง ๆ ต้องไม่ทับซ้อนกัน
“ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ประเทศไทยมีศักยภาพมากพอ หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนมีความพร้อม และคนไทยทุกคนก็พร้อมแล้ว ที่จะพาประเทศไทยก้าวไปสู่สถานะ Carbon Neutrality เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต” นายวราวุธระบุ