เทคโนโลยีจะเป็นหนึ่งในเครื่องที่จะช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) Internet of Things (IoT) และบล็อกเชน ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับบริษัทต่างๆ นำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ ระบบ และแนวทางปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนได้มากขึ้น
โซลูชันที่จะขับเคลื่อน Green Transition เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างเช่น Hitachi กำลังร่วมมือกับ Imperial College London เพื่อเปิดตัวศูนย์วิจัยการลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050 ซึ่งการวิจัยเริ่มต้นจะมุ่งเน้นไปที่ด้านต่างๆ เช่น การจัดการคาร์บอน และวิธีการลดการปล่อยคาร์บอนในพลังงานและการขนส่งโดยใช้เทคโนโลยีใหม่และโซลูชันที่อิงกับธรรมชาติ
4 วิธีที่ Hitachi กำลังจะใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
- การลดคาร์บอนด้วยข้อมูล
หลายบริษัทได้ประกาศเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) แต่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ใช่กระบวนการที่ง่าย ส่วนหนึ่งของความท้าทายนี้เกี่ยวข้องกับการบันทึกปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่บริษัทปล่อยออกมาอย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินกลยุทธ์การลดคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพและติดตามความก้าวหน้าในการลดการปล่อยก๊าซ
การวัดปริมาณการปล่อยก๊าซอย่างแม่นยำทำได้ง่ายกว่าสำหรับการปล่อยก๊าซประเภท Scope 1 และ Scope 2 ซึ่งมาจากการดำเนินงานในสถานที่ของบริษัทและพลังงานที่ใช้ในการดำเนินงานนั้น
แต่ความท้าทายจะเพิ่มขึ้นสำหรับการปล่อยก๊าซประเภท Scope 3 ซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซทางอ้อมที่เกิดขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์ถูกบริโภค ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์ถูกขนส่งโดยผู้จำหน่าย ถูกใช้โดยผู้บริโภค และในระหว่างการกำจัด การปล่อยก๊าซประเภท Scope 3 มักจะเป็นสัดส่วนหลัก – โดยทั่วไป 80-90% – ของการปล่อยก๊าซทั้งหมดของบริษัท
เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ Hitachi Rail และพันธมิตรได้พัฒนาเครื่องมือบัญชีคาร์บอนดิจิทัล (Carbon Accounting Engine) ที่ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อประเมินรอยเท้าคาร์บอนที่แท้จริงของห่วงโซ่อุปทาน ด้วยเทคโนโลยีนี้ บริษัทสามารถทำงานร่วมกับผู้จัดจำหน่ายเพื่อระบุพื้นที่ที่มีการปล่อยก๊าซสูงในการดำเนินงานของพวกเขาและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นโดยการนำวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับสภาพภูมิอากาศมาใช้ในธุรกิจ ซึ่งจะส่งเสริมความเข้าใจและความตระหนักในประเด็นความยั่งยืนในหมู่ผู้จัดจำหน่าย รวมถึงการดำเนินการที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อลดคาร์บอน
- โครงข่ายไฟฟ้าที่สะอาดและชาญฉลาดขึ้น
Hitachi มุ่งมั่นที่จะเป็นนวัตกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยผสานเทคโนโลยีสีเขียวและศักยภาพด้านดิจิทัลเพื่อสนับสนุนความพยายามของเมือง รัฐบาล และบริษัทต่างๆ ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความต้องการไฟฟ้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าภายในปี 2050 ตามรายงานมุมมองพลังงานโลกปี 2022 ของ McKinsey & Company ทำให้การเปลี่ยนผ่านจากการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาดเป็นสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วน
Hitachi Energy สนับสนุนการขยายแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ เทคโนโลยี เช่น AI, IoT, โซลูชันบล็อกเชน และมาตรวัดอัจฉริยะ สามารถช่วยสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และยั่งยืน ที่จะสนับสนุนและส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนที่กำลังเติบโต โซลูชันดิจิทัลเหล่านี้สามารถช่วยในการมองเห็นปริมาณพลังงานที่ใช้ในแต่ละอาคารเพื่อเพิ่มการใช้แหล่งพลังงานที่สะอาดยิ่งขึ้น
โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำและของเสีย ด้วยแอปพลิเคชันขั้นสูงสำหรับการกลั่นน้ำทะเล การป้องกันการรั่วไหลของน้ำ และการจัดการท่อน้ำที่เชื่อมบ้านกับโรงงานบำบัดน้ำ
โรงงานและโรงงานผลิตยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดของเสีย – การผลิตคิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมากกว่าครึ่งหนึ่งของการใช้พลังงานทั่วโลก
- โครงสร้างพื้นฐาน EV ขั้นสูง
เส้นทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) จะเต็มไปด้วยยานพาหนะไฟฟ้า (EV) เนื่องจากผู้ผลิตยานยนต์เปลี่ยนจากการใช้เชื้อเพลิงเบนซินและดีเซลที่มีมลพิษสูง แต่โซลูชันการขนส่งจำเป็นต้องยั่งยืน เชื่อมต่อกัน และเท่าเทียมกัน
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดทั่วโลกเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากประมาณ 760,000 คันในปี 2016 เป็นคาดการณ์ประมาณ 8.6 ล้านคันในปี 2023 และยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากระดับนั้นภายในปี 2027
Hitachi Astemo กำลังช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานล้ำสมัยและโซลูชันซอฟต์แวร์ที่เชื่อมต่อกันเพื่อสนับสนุนการปฏิวัติ EV เทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาครอบคลุมตั้งแต่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าไปจนถึงแชสซีของยานพาหนะ ตั้งแต่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงไปจนถึงถนนอัจฉริยะและโซลูชันซอฟต์แวร์ – และทั้งหมดนี้กำลังช่วยภาคการขนส่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การปกป้องป่าฝนด้วยไบโออะคูสติกและข้อมูลขนาดใหญ่
ป่าฝนเป็นหนึ่งในระบบกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรสัตว์ นก และแมลงหลากหลายชนิด
เมื่อเราสูญเสียผืนป่า ไม่เพียงแต่เราสูญเสียระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพที่มีค่า แต่คาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกกักเก็บอยู่ก็จะถูกปล่อยออกสู่อากาศ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การตัดไม้ทำลายป่าคิดเป็น 10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลักลอบตัดไม้และการบุกรุกที่ดินอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉลี่ยพบว่าทุกๆ สองวินาทีพื้นที่ของป่าฝนขนาดเทียบเท่าสนามฟุตบอลมาตรฐานจะถูกทำลาย
Hitachi Vantara ได้นำ ไบโออะคูสติก (Bio – Acoustic) และชุดข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ผนวกเข้ากับระบบคลาวด์คอมพิวติ้งเพื่อใช้ฟังเสียงการลักลอบตัดไม้ เสียงจากการลักลอบตัดต้นไม้จะถูกอัปโหลดขึ้นไปยังระบบคราวด์เพื่อแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในพื้นที่ให้ตรวจสอบกิจกรรมผิดกฎหมาย
เครื่องมือดังกล่าวถูกเรียกว่า ‘ผู้พิทักษ์’ เพราะสามารถคาดการณ์ และป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อรักษาต้นไม้และที่อยู่อาศัยของสัตว์ พร้อมกับลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกปล่อยออกมา
ไบโออะคูสติกคือสหสาขาวิชาที่ผสมผสานระหว่างชีววิทยาและเสียงเคยถูกนำไปใช้เพื่อศึกษาพฤติกรรมหรือผลกระทบของสิ่งมีชีวิตหลายครั้ง
การปฏิวัติทางเทคนิคมีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกที่เราอาศัยอยู่ เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับอนาคตที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น บริษัทที่ยอมรับศักยภาพของนวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะจะมีความพร้อมที่จะอยู่รอด เติบโต และนำการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมาสู่โลก อนาคตของเราขึ้นอยู่กับสิ่งนี้
อ้างอิง: Mar 16, 2023 . 4 ways technology can help us reach net zero emissions . Hitachi