TCMA ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย หรือ TCMA เร่งเครื่องเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด เชื่อมโยง Green Funds มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ประกาศวิสัยทัศน์ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกฯ สมาคม อีกสมัย ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘TCMA Synergizing the Actions toward Net Zero 2050’ ที่มุ่งขับเคลื่อนอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition) ลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2050

ทั้งนี้เป็นการผสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน พร้อมยกระดับความร่วมมือ TCMA ในเวทีนานาชาติ นำ Green Funds ช่วยอุตสาหกรรมไทยพร้อมรับมือเมกะเทรนด์เศรษฐกิจสีเขียว และเติบโตอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือดังกล่าว ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ทุกรายในประเทศจะมุ่งไปสู่เป้าหมายระยะยาวร่วมกัน โดยในปี 2567-2569 จะเร่งเดินหน้าผนึกกำลังทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการทำงานให้บรรลุพันธกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ 

• การพัฒนาและวิจัยปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำชนิดใหม่ๆ เช่น Calcined Clay Cement ต่อเนื่องจากที่ไทยได้ก้าวสู่ Thailand’s New Era of Low Carbon Cement ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกเป็นปูนซีเมนต์โครงสร้างหลัก เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2567 โดยเมื่อสิ้นปี 2566 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 600,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์

• การเร่งขยายผลการทำเหมืองให้ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามนโยบายภาครัฐภายใต้ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ. 2560 เพื่อให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน เช่น การพัฒนาพื้นที่เหมืองร่วม ‘เขาวงโมเดล’ ตามแนวทางเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining Practices) และการนำนวัตกรรม/เทคโนโลยีการทำเหมืองมาช่วยยกระดับการทำเหมือง ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนและนำประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

รวมถึงการบริหารจัดการพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองแล้วให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศและชุมชนในพื้นที่ สามารถเป็นแหล่งน้ำและจุดเรียนรู้สำหรับชุมชน 

• การเชื่อมโยงสร้างระบบนิเวศ และนำจุดแข็งของกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มาช่วยจัดการ/สร้างมูลค่าเพิ่มแก่วัสดุที่ไม่ใช่แล้ว (Turn Waste to Value) ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) ปัจจุบันอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ได้นำ Waste ทั้งจากภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และการเกษตร (ภายหลังผ่านกระบวนการ Reduce, Reuse, Recycle) มาใช้เป็นเชื้อพลิงในเตาเผาปูนซีเมนต์ (Co-processing Kiln)

ทั้งนี้ เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดมลพิษ PM2.5 ลดความต้องการพื้นที่ฝังกลบ (Zero Landfill) และที่สำคัญลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดย TCMA ตั้งเป้าในปี 2030 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ไม่น้อยกว่า 6.9 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์

• การนำนวัตกรรมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซีเมนต์เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาด (Energy Transition) ครอบคลุมทั้งด้านการเชื่อมโยงนโยบายภาครัฐ การแสวงหาเทคโนโลยีที่เหมาะสม และการเชื่อมโยงแหล่งทุนต่างๆ ในระดับโลก ที่เรียกว่า Green Fund เข้ามาในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่าน และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เป็นต้น

นอกจากนี้ จะเร่งขับเคลื่อนโครงการสระบุรีแซนด์บ็อกซ์ : ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ หรือ “PPP-Saraburi Sandbox: A Low Carbon City” เป็นรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยใช้แนวทาง 3 C คือ Communication-Collaborative action-Conclusion step-by-step และจำลอง จ.สระบุรี ให้เป็นเสมือนตัวแทนประเทศไทย เป็นต้นแบบแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจก ผ่านโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามกรอบความร่วมมือในแต่ละสาขา

เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ “Thailand NDC Roadmap” และเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จึงเริ่มดำเนินการโครงการตัวอย่าง ครอบคลุมทั้ง 5 ด้านสำคัญ ได้แก่

1) ด้านพลังงาน (Energy Transition) เช่น โครงการพลังงานสะอาดเพื่อผลิตไฟฟ้าด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ โครงการปลูกหญ้าเนเปียร์เป็นพืชพลังงาน โครงการ Grid Modernization โครงการศึกษาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS)

2) ด้านกระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ (Industrial Processes and Product Use : IPPU) เช่น การผลิตปูนลดโลกร้อน การพัฒนาปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำชนิดใหม่ 3) ด้านการจัดการของเสีย (Waste) เช่น โครงการจัดการขยะเป็นพลังงานทางเลือก (Alternative Fuels: AF) และเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF)

4) ด้านการเกษตร (Agriculture) เช่น การส่งเสริมทำนาคาร์บอนต่ำ และ 5) ด้านป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน (Land Use, Land-Use Change and Forestry : LULUCF)

“การดำเนินโครงการลักษณะนี้จะเกิด win-win-win เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยต้องการความร่วมมือและสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมมือกันดำเนินการ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องของหน่วยงานต่างๆ อาจมีกฎระเบียบที่ต้องแก้ไขเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ การมีโครงการต้นแบบเหล่านี้มากๆ จะเป็นตัวอย่าง จะทำให้เห็นแนวทางดำเนินการ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ เรื่องใดทำได้จะนำไปขยายผลสู่จังหวัดอื่น เรื่องใดทำไม่ได้ต้องหาแนวทางแก้ไขหรือทางออกที่ดีต่อไป เช่น การเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้กฎระเบียบให้เหมาะสม ทั้งหน่วยงานท้องถิ่น หรือหน่วยงานกลางของรัฐ” ดร. ชนะ กล่าว

นายกฯ ชนะ ย้ำว่า TCMA มีความตั้งใจมาก และเป็นนโยบายหลักที่จะสนับสนุนการทำงานของภาครัฐ และพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนกลางและพื้นที่ รวมถึงการยกระดับผสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ ในระดับภูมิภาค เช่น ASEAN Cement Collaboration towards Decarbonization และในระดับโลก

เช่น การเข้าร่วมประชุม COP27 และ COP28 อย่างต่อเนื่อง และการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Global Cement and Concrete Association (GCCA) ซึ่งทำงานร่วมกับ UNFCCC ขององค์การสหประชาชาติ และ World Economic Forum เพื่อเชื่อมโยงความร่วมมือและแหล่งทุนต่างๆ เข้ามาสู่ประเทศไทย สร้างความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรม และไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำได้ตามเป้าหมาย

Related posts

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

ประโยชน์การเข้าร่วมเวที COP29 โอกาสเข้าถึงเงินช่วยเหลือของไทย

เร่งกองทุน Loss and damage ช่วยประเทศเปราะบางสู้วิกฤตโลกเดือด