ไทยเริ่มใช้น้ำมัน SAF ปลายปี ก้าวสู่สายการบินรักษ์โลกลดปล่อยคาร์บอน

ธุรกิจสายการบินตกเป็นผู้ร้ายฐานมีส่วนปล่อยคาร์บอนเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจึงเร่งปรับเปลี่ยนไปใช้น้ำมันยั่งยืน

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายการบินพยายามปรับตัว หลังถูกมองเป็นผู้ร้ายที่มีส่วนปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ดังนั้นอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกจึงเร่งขับเคลื่อนน้ำมันอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuels) หรือ น้ำมัน SAF ซึ่งเป็นน้ำมันยั่งยืน

น้ำมัน SAF คือน้ำมันที่ผลิตจากวัตถุดิบชีวมวล ได้แก่ น้ำมันทำอาหารใช้แล้ว (Used Cooking Oil) ไขมันจากสัตว์ ของเสียจากการเกษตร และขยะอาหาร (Food Waste) ซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 80% เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงจากฟอสซิลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (JetA1) แต่ SAF มีราคาแพงกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับน้ำมัน JetA1

สำหรับประเทศไทยล่าสุดสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) สะท้อนว่า ฝั่งยุโรปมีการใช้น้ำมัน SAF มาก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ส่วนไทยการผลิตน้ำมัน SAF มาจาก 3 แหล่ง 1. น้ำมันทำอาหารที่ใช้แล้ว แต่มีข้อจำกัด 2. น้ำมันเอทานอล ผลิตยาก และ 3. น้ำมันปาล์ม โดยในปี 2568 จะมีปริมาณน้ำมัน SAF เพียงพอกับการเติมเข้าอากาศยานได้ระดับหนึ่ง แต่ยังมีราคาแพง จึงต้องนำมาผสมกับน้ำมันเครื่องบิน JetA1 ไปก่อนเหมือนที่ต่างประเทศก็ทำ เพื่อให้ราคาไม่แพงเกินไป

ขณะนี้ได้แผนการใช้น้ำมัน SAF ในอัตราส่วนผสมที่ลงตัวแล้ว รอแค่กระทรวงพลังงานเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเดือน ก.ย.นี้ และประกาศอย่างเป็นทางการภายในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้

ฝั่งของของสายการบิน เมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บางกอกแอร์เวย์สได้ประกาศดำเนินความร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ใช้น้ำมัน SAF ในเที่ยวบินนำร่องของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อใช้เชื้อเพลิงพลังงานสะอาด โดยเริ่มใช้น้ำมัน SAF สัดส่วน 1% ของการใช้น้ำมันทั้งหมดในปี 2569

ด้าน เวียตเจ็ทไทยแลนด์ ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับ OR เช่นกัน ในการใช้น้ำมัน SAF ปฏิบัติการบินบนเส้นทางบินทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศของเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.2567 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้จับมือกับบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ศึกษาแผนร่วมทุนตั้งบริษัทใหม่ประกอบธุรกิจผลิตน้ำมัน SAF ส่งเสริมเป้าหมายอุตสาหกรรมการบินก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2573 ซึ่งถ้าทำได้ก็จะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการบินที่ไร้มลพิษ

ขณะที่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกับบริษัท ธนโชคออยล์ ไลท์ จำกัด และบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน หรือ SAF จากน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) เป็นรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยโดยลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท

โปรเจกต์นี้ของบางจากมีกำลังผลิต 1 ล้านลิตรต่อวัน จะมีการรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคธุรกิจผ่านโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” และช่องทางอื่นๆ สำหรับการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตน้ำมันได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2567

สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้โดยสารทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่าจะมีผู้โดยสารมากกว่า 4,700 ล้านคนในปี 2567 เมื่อเทียบกับ 4,500 ล้านคนในปี 2562 ขณะเดียวกันมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 17% เป็น 37.7 ล้านเที่ยว

Related posts

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

ประโยชน์การเข้าร่วมเวที COP29 โอกาสเข้าถึงเงินช่วยเหลือของไทย

เร่งกองทุน Loss and damage ช่วยประเทศเปราะบางสู้วิกฤตโลกเดือด