เกิดน้ำท่วมใหญ่ครั้งเลวร้ายสุดในประวัติศาสต์สเปน มีผู้เสียชีวิต 158 ราย หลังฝนถล่มต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงติด นี่คือบทลงโทษของภาวะโลกร้อน
บีบีซีรายงานเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในสเปน มียอดผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 ราย หลังจากฝนถล่มลงมาอย่างหนักจนไม่ลืมหูลืมตาต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงติดในแคว้นบาเลนเซีย (Valencia) เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก
ก่อนนี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมใหญ่ครั้งเลวร้ายสุดในประวัติศาสตร์สเปนซึ่งเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของสเปน โดยมียอดผู้เสียชีวิตมากถึง 158 ราย (ข้อมูล ณ 31 ต.ค.) ในขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงค้นหาผู้สูญหายต่อไป
ภัยพิบัติครั้งเลวร้ายนี้เกิดจากฝนที่ถล่มลงมาอย่างหนักจนไม่ลืมหูลืมตาต่อเนื่อง 8 ชั่วโมงติดในแคว้นบาเลนเซีย (Valencia) เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปริมาณเทียบเท่ากับปริมาณฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งปี
นี่คือบทลงโทษจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์เป็นผู้ทำกรรมไว้ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้สภาพอากาศรุนแรงมากขึ้นถึงขั้นทำลายล้างอย่างไม่ปราณีใดๆ ถือว่าเป็นอุทกภัยที่รุนแรงสุดของยุโรปในรอบ 50 ปี
นักอุตุนิยมวิทยาบอกในทำนองเดียวกันว่า นี่คือบทลงโทษจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์เป็นผู้ทำกรรมไว้ตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้สภาพอากาศรุนแรงมากขึ้นถึงขั้นทำลายล้างอย่างไม่ปราณีใดๆ ถือว่าเป็นอุทกภัยที่รุนแรงสุดของยุโรปในรอบ 50 ปี
เมื่อย้อนกลับไปในปี 2021 ยุโรปเคยเกิดน้ำท่วมใหญ่ อย่างในเยอรมนีที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 185 ราย ขณะที่ก่อนหน้านั้นในปี 1970 โรมาเนียก็เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่และมีผู้เสียชีวิตไป 209 ราย ก่อนหน้านั้นอีกในปี 1967 โปรตุเกสเคยเกิดอุทกภัยทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 500 ราย
นอกจากความสูญเสียต่อชีวิตผู้คนแล้ว ปริมาณน้ำได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของเมืองบาเลนเซีย เช่น ซัดสะพาน ถนนและรางรถไฟขาดหลายแห่ง จนไม่สามารถสัญจรได้ ในขณะที่ซากรถยนต์เสียหายเกลือนเมือง นอกจากนี้ สเปนในฐานะผู้ส่งออกส้มรายใหญ่ของโลกต้องสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกส้มไป 2 ใน 3 ของทั้งหมด
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานด้วยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเล่าว่าหลังฝนตกหนัก กระแสน้ำสีน้ำตาลไหลเชี่ยวกรากพัดถาโถมมาตามท้องถนน ทำให้ต้นไม้ล้มระเนระนาด และอาคารบ้านเรือนพังไปต่อหน้าต่อตา
นอกจากบาเลนเซียที่ได้รับความเสียหายหนักสุดแล้ว ยังเกิดน้ำท่วมในแคว้นอันดาลูซิอา (Andalusia) ทางตอนใต้อีกด้วย
กล่าวได้ว่า นี่อคือผลพวงจากภาวะโลกร้อน ไม่ได้มีสาเหจุมาจากการตัดไม้ทำลายป่าจนเกิดน้ำป่าไหลหลากเหมือนที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะยิ่งทำให้เกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบ่อยครั้งขึ้น ฝนตกจะหนักรุนแรงกว่าเดิม
จากรายงานเบื้องต้น World Weather Attribution (WWA) ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติที่ศึกษาบทบาทของภาวะโลกร้อนต่อสภาพอากาศที่เลวร้าย พบว่าปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในสเปนมีปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเหตุการณ์สภาพอากาศดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า