จากภาระค่าไฟสู่พลังงานยั่งยืน โรงงานน้ำแข็ง จ.พิษณุโลก เดินหน้าสู่พลังงานสะอาด ด้วยการติดโซลาร์เซลล์ ลดต้นทุนค่าไฟหลักแสนต่อเดือน
ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดในจังหวัดพิษณุโลก และค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจโรงงานน้ำแข็งต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากภาระต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน โรงงานน้ำแข็งวังทิพย์ ตั้งอยู่ที่ ต.โคกสลุด อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นโรงงานน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ ได้ตัดสินใจลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงถึงหลักล้านบาทต่อเดือน การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงช่วยประคองธุรกิจให้อยู่รอด แต่ยังเป็นก้าวสำคัญสู่การใช้พลังงานสะอาด สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งช่วยลดค่าไฟได้มากกว่าหนึ่งแสนบาทต่อเดือน
ความท้าทายของโรงงานน้ำแข็ง: ค่าไฟหลักล้านต่อเดือน
นายชะลอ มั่นมาตย์ เจ้าของโรงงานน้ำแข็งวังทิพย์ เปิดเผยว่า โรงงานของเขามีกำลังการผลิตน้ำแข็งหลอดราว 100 ตันต่อวัน และน้ำแข็งซองอีก 1,000-2,000 ซองต่อวัน โดยจำหน่ายในราคาขายส่งกิโลกรัมละ 1.50 บาท และขายปลีกกิโลกรัมละ 5 บาท ครอบคลุมพื้นที่จำหน่ายในจังหวัดพิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ อย่างไรก็ตาม การผลิตน้ำแข็งต้องใช้เครื่องจักรที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกินไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนสูงกว่า 1 ล้านบาท และในช่วงที่ค่าไฟปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาระค่าใช้จ่ายนี้กลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจ
“เมื่อก่อนเรายังพอรับมือได้ แต่ช่วงหลังค่าไฟแพงขึ้นเยอะ ทำให้เราต้องหาทางลดต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้” นายชะลอกล่าว เขายอมรับว่าในอดีตไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสะอาดมากนัก โดยมุ่งเน้นเพียงการลดค่าใช้จ่ายเป็นหลัก แต่เมื่อได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจึงพบว่าระบบโซลาร์เซลล์ไม่เพียงช่วยลดค่าไฟ แต่ยังเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีประโยชน์ในระยะยาว
โซลาร์เซลล์: ทางออกที่ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
เพื่อรับมือกับปัญหาค่าไฟที่สูงลิ่ว โรงงานน้ำแข็งวังทิพย์ตัดสินใจลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบออนกริด (On-Grid) ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงเวลากลางวัน เพื่อลดการใช้ไฟจากการไฟฟ้า โดยระบบนี้ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์จำนวน 330 แผง กำลังผลิตรวม 183.15 กิโลวัตต์ มูลค่าการติดตั้งทั้งระบบอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท
นายณัฏฐชัย อักษรดิษฐ ประธานกรรมการบริษัท ดอทเทค โซร์ล่าร์เซลล์ จำกัด ผู้รับผิดชอบโครงการติดตั้ง ระบุว่า ระบบโซลาร์เซลล์ที่โรงงานน้ำแข็งวังทิพย์เลือกใช้ สามารถลดค่าไฟได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ต้องจ่ายค่าไฟระหว่าง 1-1.5 ล้านบาทต่อเดือน โดยใช้ระยะเวลาคืนทุนเพียง 3 ปีเศษ ซึ่งเร็วกว่าช่วงแรกที่โซลาร์เซลล์เริ่มได้รับความนิยมในประเทศไทย ซึ่งใช้เวลาคืนทุนถึง 4 ปี 7 เดือน
“เทคโนโลยีโซลาร์เซลล์ในปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ราคาไม่แพงเหมือนแต่ก่อน และอุปกรณ์มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 20-25 ปี” นายณัฏฐชัยกล่าว เขายังระบุว่า โซลาร์เซลล์มาพร้อมการรับประกันคุณภาพงานติดตั้ง 2 ปี แผงโซลาร์เซลล์รับประกันประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้านาน 25 ปี และอินเวอร์เตอร์รับประกันตามมาตรฐานผู้ผลิต ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบจะใช้งานได้อย่างคุ้มค่าในระยะยาว
ประโยชน์มากกว่าการลดค่าไฟ
การติดตั้งโซลาร์เซลล์ไม่ได้ช่วยเพียงแค่ลดต้นทุนค่าไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและภาพลักษณ์ของธุรกิจ โซลาร์เซลล์เป็นพลังงานสะอาดที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ ยังช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาโลกร้อน
นายชะลอกล่าวว่า “ตอนแรกเราคิดแค่เรื่องลดค่าไฟ แต่พอได้ศึกษาและลงมือทำจริงๆ ก็เห็นว่ามันมีข้อดีหลายอย่าง นอกจากช่วยธุรกิจเราแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการลงทุนที่ยั่งยืนในระยะยาว”
โซลาร์เซลล์: เทรนด์ใหม่ของภาคธุรกิจ
ในปัจจุบัน การติดตั้งโซลาร์เซลล์กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในธุรกิจที่ใช้พลังงานไฟฟ้าสูง เช่น โรงงานผลิต โรงแรม หรือห้างสรรพสินค้า การลงทุนในโซลาร์เซลล์ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนค่าไฟ แต่ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ ด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำลง ถึงแม้การลงทุนในโซลาร์เซลล์อาจต้องใช้เงินทุนในช่วงเริ่มต้น แต่ผลตอบแทนในระยะยาวทั้งในแง่การประหยัดค่าไฟ ความยั่งยืนของธุรกิจ และการมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
อ้างอิง :