ติดโซลาร์รูฟท็อปNew Normal บ้านรักษ์โลกของเสนาฯ

แน่นอนว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายเป็นวิกฤตโลกจนสร้างผลกระทบกับให้กับทุกระบบ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสุขอนามัย แต่นัยหนึ่งยังมีสิ่งดีๆ ให้กับโลก คือการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่เป็นไปในทางที่ดีขึ้น

ในด้านของการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา การเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศหยุดลง ทำให้เกิดการฟื้นตัวของสภาพแวดล้อม และระบบนิเวศกลับคืนมาในหลายๆ พื้นที่

แต่ในอีกด้านหนึ่งผลกระทบจากธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นต่อเนื่องและอาจก่อตัวเป็นวิกฤตใหญ่ให้กับโลกใบนี้ในระยะอันใกล้นี้ได้

ปัญหาโลกร้อนที่ทุกคนตระหนัก และตื่นตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคประชาชนและเอกชนที่ต่างหาแนวทางร่วมกันในการยกระดับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการลดการพึ่งพาพลังงานที่ผลิตได้จากฟอสซิล หันมาใช้พลังงานสะอาด โดยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ขึ้นมา

โดยเฉพาะการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและภาคประชาชนเข้าถึงได้ง่ายที่สุด ตอบโจทย์เรื่องการดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นส่วนของลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้านสาธารณูปโภคที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนของราคา ซึ่งนับวันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงที่อยู่อาศัย วันนี้กลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าอีกแหล่งหนึ่งสำคัญ ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ “เสนา” เห็นความสำคัญในทุกมิติ ของการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม โซลาร์เข้ามาติดตั้งในโครงการบ้านที่อยู่อาศัยและคอนโดในทุกโครงการ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึง และยังเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดด้วยตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA มองการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระยะต่อไปว่า “อีกมิติหนึ่งที่เราควรจะคิดเกี่ยวกับโควิด-19 อย่างวิกฤตต้มยำกุ้งซึ่งเป็นเรื่องเศรษฐกิจปกติเราใช้เงินและความมั่นใจแก้

ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

“แต่วิกฤตเชิงกายภาพ อย่างโควิด-19 และวิกฤตโลกร้อนคล้ายกันที่ใช้เงินและความมั่นใจแก้ไม่ได้ แต่ป้องกันได้ ตอนนี้จึงเห็นว่ามันเป็นเวลาที่เราจะต้องกลับมามองเรื่อง Climate Change ให้มากกว่าเดิมอีก เพราะถ้าเราไม่แก้เรื่องนี้เลย สักวันหนึ่งก็จะเป็น New Covid อีก”

ที่ผ่านมา SENA ได้ให้ความสำคัญกับบทบาทของการลดภาวะโลกร้อนผ่านนโยบายบริษัทที่ลงมือปฏิบัติจริงด้วยการพัฒนาหมู่บ้านที่ติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาที่อยู่อาศัย (โซลาร์รูฟท็อป) จนกลายเป็นโครงการหมู่บ้านโซลาร์เซลล์เต็มรูปแบบรายแรกของไทย โดยได้ติดตั้งไปแล้วมากกว่า 400 หลังคาเรือน ขนาด 2.2-2.5 กิโลวัตต์ต่อหลังคิดเป็น 1 เมกะวัตต์ เมื่อคิดคำนวณในระยะเวลา 10 ปี เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ได้ถึง 16-63 ต้น สามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 2-9 ตันต่อปี

ที่สำคัญไปกว่านั้นหลายกิจกรรมที่เพิ่มจากการอยู่บ้านโดยเฉพาะช่วงนี้อากาศนั้นร้อนสุดๆ ทำให้การเปิดพัดลม เครื่องปรับอากาศมีมากขึ้น ประกอบกับส่วนใหญ่คนลืมคิดว่าค่าไฟฟ้าที่ใช้อยู่เป็นแบบอัตราก้าวหน้าใช้มากก็ยิ่งจ่ายสูงโดยคำนวณตัวอย่างของการราคาค่าไฟฟ้า ในกรณีต่างๆ เริ่มจากฐานการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยคิดค่าไฟเฉลี่ยที่ 3.24 บาท ต่อหน่วย แต่หากอยู่ระหว่าง 151-400 หน่วย จะคิดหน่วยละ 4.221 บาทต่อหน่วย และเกินกว่า 400 หน่วยเป็นต้นไปคิดหน่วยละ 4.42 บาท

จากการสำรวจข้อมูลความพึ่งพอใจของลูกบ้าน SENA หลังจากที่ต้องใช้ชีวิต Work form Home (WHF) พบว่าทำให้เขาประหยัดค่าไฟไปได้มาก จึงทำให้ SENA พลิกมุมมองเรื่องโซลาร์ฯ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์การลดโลกร้อน แต่ยังทดสอบกับพฤติกรรม WHF ที่เชื่อว่าจะกลายเป็น New Normal หลังจากนี้อย่างน้อยก็ 1-2 ปี ด้วยการหันมาติดโซลาร์ฯ กับบ้านขนาดเล็ก หรือทาวเฮ้าส์ กำลังผลิต 1.28 กิโลวัตต์ ด้วยราคาขายประมาณ 2 ล้านบาท โดยจะนำร่องติดตั้งทุกยูนิตในโครงการ “เสนาวิลล์ ลำลูกกา- คลอง 6” โดยเตรียมเปิดตัวเดือน มิ.ย. 2563

อย่างไรก็ตาม พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสะอาดและมองว่าเมื่อโควิด-19 มาจะยิ่งทำให้ทุกฝ่ายต้องเร่งหาวิธีพึ่งพาพลังงานเป็นของตนเองมากขึ้น และต้องตอบโจทย์ในการลดโลกร้อนเพื่อความยั่งยืนเพราะโควิด-19 ทำให้โลกไม่มีอะไรแน่นอนมากขึ้น ดังนั้นการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่เพื่อมาเสริมศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ให้สามารถกักเก็บพลังงานช่วงกลางวันไว้ใช้กลางคืนให้ตอบโจทย์ทั้งด้านราคาที่ถูกลง ขนาดที่เบาเหมาะกับการติดตั้ง ซึ่งเชื่อว่าในที่สุดภายใน 5 ปีนี้น่าจะเห็นการมาของแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างแน่นอน

แม้ว่าโควิด-19 จะทำให้หลายอย่างเปลี่ยนไป แต่การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอกับโลกใบนี้เพราะพฤติกรรมของประชากรโลก ที่เปลี่ยนแปลงด้วยการอยู่บ้านมากขึ้น ลดการใช้รถใช้ถนน โรงงานต่าง ๆ ปิดทำการ ทำให้ธรรมชาติในหลายพื้นที่ทั่วโลกเกิดการฟื้นฟูตัวเองท้องฟ้าดูสดใสสัตว์ต่างๆที่ไม่เคยเห็นออกมาเผยโฉมหน้า ฯลฯ เหล่านี้ได้ชี้ให้เราเห็นว่าวิกฤติบางอย่างนั้นมนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ และหนึ่งในวิกฤติที่ทุกคนต้องเปลี่ยนแปลงให้ลดลงก็คือ “ Climate Change” นั่นเอง

#Advertorial

Related posts

กรรมการชาติเห็นชอบร่างพรบ.โลกร้อน เดินหน้าสู่เศรษกิจคาร์บอนต่ำ

ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ‘หอฟอกอากาศระดับเมือง’ คืนชีวิตให้คนกรุง อย่างไร

ชุบชีวิต ‘ขยะทะเล’ เพิ่มมูลค่า ชุมชนยั่งยืน ลดโลกร้อน