ยักษ์ใหญ่พลังงานสหรัฐ อ้างเหตุ ‘สงครามยูเครน’ ขอขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซเพิ่ม

รัสเซียเป็นส่วนสำคัญของระบบพลังงานโลก โดยมีคลังทรัพยากรเชื้อเพลิงฟอสซิลขนาดใหญ่ เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสามของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย คิดเป็น 12% ของผลผลิตทั่วโลก และเป็นผู้ผลิตก๊าซรายใหญ่อันดับสองรองจากสหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 17% ของผลผลิตทั่วโลก

แหล่งพลังงานของรัสเซียมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อยุโรปซึ่งนำเข้าก๊าซจากรัสเซียประมาณ 70% ของการส่งออกทั้งหมดและครึ่งหนึ่งของการส่งออกน้ำมันจากรัสเซีย แต่ไม่ใช่แค่นั้น รัสเซียยังมีความสำคัญต่อพลังงานของประเทศอื่น ๆ ด้วย โดยส่งออกก๊าซที่เหลือไปจีน 5% ญี่ปุ่น 4% ส่งออกน้ำมันไปยังจีน 31% เกาหลีใต้ 6% ญี่ปุ่น 2% สหรัฐ 1%

ด้วยเหตุนี้เองเมื่อรัสเซียรุกรานยูเครนทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยานอย่างรวดเร็วและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินต่อรัสเซียจะยิ่งทำให้น้ำมันพุ่งขึ้นไปอีก เพราะการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้โลกเข้าถึงพลังงานจากรัสเซียได้ยากขึ้นนั่นเอง และทำให้ปริมาณพลังงานฟอสซิลในตลาดโลกกระทบในทันที 

ที่เห็นกันจะ ๆ คือราคาน้ำมันโลกพุ่งทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในสัปดาห์นี้ จากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียที่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปพุ่งขึ้น 60% เผยให้เห็นถึงผลกระทบการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานของรัสเซียอย่างหนักของทวีปยุโรป

มีรายงานว่าราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามในยูเครนจะทำให้โลกพบกับอุปสรรคในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้พลังงานฟอสซิลมาเป็นพลังงานทางเลือก เพียงสามเดือนหลังจากที่ผู้นำโลกให้คำมั่นที่จะดำเนินการด้านสภาพอากาศเชิงรุกในการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ เมื่อเดือน พ.ย. 2021 

เมื่อประเทศในยุโรปลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียลง อาจจะต้องกลับไปใช้พลังงานถ่านหินมากขึ้น จากก่อนหน้านี้ประเทศในยุโรปประกาศจะลดการใช้ถ่านหินลงอย่างมาก ตอนนี้พวกเขาอาจไม่มีทางเลือกนอกจากกลับไปใช้พลังงานฟอสซิลอย่างหนักเหมือนที่ผ่านมา 

แน่นอนว่าชนวนสงครามในยูเครนได้เปิดทางให้บริษัทพลังงานฟอสซิลในโลกตะวันตกเติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งบทความทัศนะที่ตีพิมพ์ใน Wall Street Journal ในสัปดาห์นี้ เคน กริฟิน ซีอีโอของกองทุนเก็งกำไร Citadel เรียกร้องให้สหภาพยุโรปหา “สัญญาระยะยาว” กับผู้ผลิตพลังงานฟอสซิลของสหรัฐเพื่อเสริมพลังงานที่ขาดไปจากรัสเซีย

เขาบอกว่า “[สหรัฐฯ] จำเป็นต้องผลิตก๊าซมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง” กริฟฟินเขียนร่วมกับไนออล เฟอร์กูสัน นักศึกษาอาวุโสของสถาบันฮูเวอร์แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด “การห้ามการขุดเจาะ (น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ) เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและทำให้เสียเปรียบทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมืองที่สำคัญ”

ในเวลาเดียวกันมีรายงานว่าอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของสหรัฐกำลังใช้การรุกรานยูเครนของรัสเซียเพื่อกดดันรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนให้สัมปทานดินและน่านน้ำมหาสมุทรมากขึ้นสำหรับการขุดเจาะพลังงานฟอสซิลในประเทศและขอให้รัฐบาลคลายกฎระเบียบสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่พยายามเพิ่มการขุดเจาะเชื้อเพลิงฟอสซิล

Guardian รายงานว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่กองทัพรัสเซียจะเริ่มโจมตียูเครน สถาบันด้านพลังงานฟอสซิล American Petroleum Institute (API) ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon, Chevron และ Shell ได้โพสต์ข้อความทวีตเรียกร้องให้ทำเนียบขาว “ประกันความมั่นคงด้านพลังงานในประเทศและต่างประเทศ” 

ตัวแทนบริษัทพลังงานที่ทรงอำนาจของโลกเรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกาอนุญาตให้มีการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในที่สาธารณะมากขึ้น ขยายเวลาการขุดเจาะในน่านน้ำสหรัฐและผ่อนคลายข้อกำหนดที่บริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลเผชิญอยู่ลง ไมค์ ซอมเมอร์ส ผู้บริหารของ API บอกว่า “ในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ อเมริกาควรใช้พลังงานที่มีเหลือเฟือ – ไม่ใช่ไปจำกัดมัน”

สมาชิกพรรครีพับลิกันชั้นนำบางคน (พรรคเดียวกับโดนัลด์ ทรัมป์ที่ส่งเสริมการขุดพลังงานฟอสซิล) สนับสนุนข้อเรียกร้องนี้ เช่น ลิซา เมอร์คาวสกี วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันประจำมลรัฐอะแลสกา บอกกับสภานิติบัญญัติของรัฐว่า “ทุกวัน ฉันเตือนรัฐบาลไบเดนถึงประโยชน์มหาศาลของการผลิตพลังงานและแร่ธาตุในอะแลสกา และทุกวันฉันเตือนพวกเขาว่าการปฏิเสธที่จะอนุญาตกิจกรรมเหล่านั้นอาจมีผลร้ายตามมา”

แม้แต่กลุ่มสมาชิกรัฐสภาเดโมแครตของไบเดนเอง ยังมี 10 คนเขียนจดหมายถึงไบเดนเพื่อกระตุ้นให้ประธานาธิบดีปล่อยน้ำมันเพิ่มเติมจากแหล่งสำรองปิโตรเลียมเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐเพื่อลดต้นทุนเชื้อเพลิงสำหรับผู้บริโภคในระยะสั้น หลังจากราคาพุ่งสูงขึ้นมาก

แม้จะเรียกร้องให้ปล่อยน้ำมันเพิ่ม พรรคเดโมแครตที่สนับสนุนการแก้ปัญหาโลกร้อนก็ยังพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ โดยพวกเขาบอกว่า “เราทราบดีว่าในระยะยาวการขจัดการพึ่งพาน้ำมันของสหรัฐจะทำให้เกิดความมั่นคงที่เราต้องการเพื่อให้มีต้นทุนด้านพลังงานต่ำสำหรับครัวเรือนในอเมริกา”  

ข้อมูลจาก 

  • Akiko Fujita. (26 Feb 2022). “Russian invasion of Ukraine complicates global climate agenda”. Yahoo Finance.
  • Q&A: What does Russia’s invasion of Ukraine mean for energy and climate change?. (26 Feb 2022). Carbon Brief.
  • Oliver Milman. (26 Feb 2022). “US fossil fuel industry leaps on Russia’s invasion of Ukraine to argue for more drilling”. Guardian.

Related posts

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

COP29 มุ่งมั่นเป้าหมายทางการเงินใหม่ ชาติพัฒนาแล้วจ่าย 1 แสนล้าน

‘เฉลิมชัย’ พาหมูเด้งบุก COP29 เปิด Thailand Pavilion โชว์แก้โลกเดือด