กระทรวงอุตสาหกรรม เดือด สั่งสอบ บริษัท หัวจง จ.สมุทรสาคร ลักลอบปล่อยน้ำเสียออกนอกโรงงาน พร้อมพบความเชื่อมโยงการลักลอบนำเข้าฝุ่นแดง
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า หลังจากได้รับรายงานเกี่ยวกับขบวนการลักลอบนำเข้า “ฝุ่นแดง” ซึ่งเป็นวัตถุอันตราย เพื่อใช้ในกระบวนการหลอมและส่งออกไปยังต่างประเทศ ทางกระทรวงฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน โดยฝุ่นแดงถูกจัดอยู่ในประเภทวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามบัญชี 5.2 ของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ. 2556 และยังเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล ซึ่งเป็นความตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายและกำจัดของเสียอันตรายข้ามแดน ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีผู้เกี่ยวข้องในหลายจังหวัด เช่น ปทุมธานี ชลบุรี ระยอง และสมุทรสาคร จึงได้สั่งการให้ “ทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม” ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที
ทีมตรวจสอบนำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบบริษัท หัวจง อุตสาหกรรม จำกัด ในจังหวัดสมุทรสาคร หลังได้รับข้อมูลซัดทอดว่า โรงงานแห่งนี้นำฝุ่นแดงเข้ามาใช้เป็นวัตถุดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต ผลการตรวจสอบพบความผิดหลายประการ เช่น การประกอบกิจการบางส่วนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต ขาดเอกสารรับรองความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า ระบบกำจัดมลพิษอากาศไม่มีประสิทธิภาพ และที่ร้ายแรงที่สุดคือ การลักลอบปล่อยน้ำเสียจากกระบวนการผลิตออกนอกโรงงานโดยไม่ผ่านระบบบำบัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในบริเวณใกล้เคียง
นางสาวฐิติภัสร์ ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สั่งให้บริษัทหยุดการผลิตในส่วนหลักทันที พร้อมกำหนดให้แก้ไขปรับปรุงโรงงานให้สอดคล้องกับเงื่อนไขการอนุญาต นอกจากนี้ยังเตรียมดำเนินคดีกับบริษัทและผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย
อันตรายของฝุ่นแดงและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ฝุ่นแดง (Red Dust) หรือที่รู้จักในชื่อทางเทคนิคว่า “ฝุ่นแดงจากกระบวนการผลิตอะลูมิเนียม” (Bauxite Residue หรือ Red Mud) เป็นของเสียที่เกิดจากกระบวนการสกัดอะลูมิเนียมจากแร่บอกไซต์ โดยมีลักษณะเป็นผงสีแดงเข้มที่ประกอบด้วยสารเคมีอันตราย เช่น ออกไซด์ของโลหะหนัก (เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ไทเทเนียม) และมีค่า pH สูงมากเนื่องจากมีความเป็นด่างจัด หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ฝุ่นแดงสามารถก่อให้เกิดมลพิษได้หลายรูปแบบ ดังนี้
- มลพิษทางน้ำ: หากฝุ่นแดงถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำหรือมีการปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนฝุ่นแดงโดยไม่ผ่านการบำบัด เช่น กรณีของบริษัท หัวจง จะทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อนสารเคมีที่มีความเป็นด่างสูง ส่งผลให้ระบบนิเวศในน้ำเสียหาย พืชน้ำและสัตว์น้ำตาย และอาจปนเปื้อนสู่ห่วงโซ่อาหารจนถึงมนุษย์
- มลพิษทางอากาศ: เมื่อฝุ่นแดงแห้งและฟุ้งกระจายในอากาศ ผู้ที่สูดดมเข้าไปอาจเกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ หรือในระยะยาวอาจเสี่ยงต่อโรคปอดและมะเร็ง เนื่องจากมีโลหะหนักปนเปื้อน
- มลพิษทางดิน: การทิ้งฝุ่นแดงโดยไม่มีการควบคุมจะทำให้ดินกลายเป็นด่างจัด พืชพรรณไม่สามารถเจริญเติบโตได้ และอาจมีการปนเปื้อนของโลหะหนักลงสู่ชั้นดิน ซึ่งยากต่อการฟื้นฟู
การลักลอบนำเข้าฝุ่นแดงเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงไม่เพียงแต่ผิดกฎหมาย แต่ยังสร้างภาระมลพิษมหาศาลให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อผู้กระทำผิดมุ่งหวังเพียงกำไรจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ แต่ทิ้งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพไว้ให้สังคมรับผิดชอบ
ขยายผลสู่การปราบปราม
นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทีมตรวจสอบกำลังขยายผลเพื่อหาความเชื่อมโยงของผู้กระทำผิดในจังหวัดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ โดยตั้งเป้าดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อหยุดยั้งการลักลอบนำเข้าฝุ่นแดงและของเสียอันตรายอื่นๆ ที่แฝงมาในรูปแบบผลิตภัณฑ์ส่งออก ต่อไปจะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศุลกากร และหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มมาตรการสกัดกั้นและเฝ้าระวังการสำแดงเท็จหรือการลักลอบนำเข้าวัตถุอันตราย ซึ่งต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายก่อนนำเข้ามาในประเทศ
กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนจากภัยเงียบอย่างฝุ่นแดงและของเสียอันตรายอื่นๆ ที่อาจถูกซ่อนอยู่ในกระบวนการอุตสาหกรรมที่ไร้จริยธรรม