‘โรงขยะอ่อนนุช’ จ่อปิดฉากปี 69 มลพิษจะสิ้นสุดลง?

Metal recycling plant. Metal recycling landfill. Scrap metal recycling. Metal recycling transforms waste in resource, conserves energy, and decreases extraction activity and resulting environmental.

“โรงขยะอ่อนนุช” เตรียมปิดตัวถาวร ในปี 2569 หลังสร้างมลพิษกลิ่นเหม็นและควันดำมานานกว่า 30 ปี ชุมชนรอบข้างหวังว่านี่จะเป็นจุดจบของปัญหาที่เรื้อรัง หลัง รมช.มหาดไทย ยืนยัน ไม่ต่อสัญญา 2 โรงขยะอ่อนนุช

“โรงขยะอ่อนนุชก่อสร้างเสร็จเมื่อปี 2,500 เศษ ช่วงที่ดิฉันยังเป็นวัยรุ่น ทุกครั้งที่ต้องผ่านอ่อนนุช ต้องปิดจมูกทุกครั้ง เพราะส่งกลิ่นเหม็นมาก ก็คิดว่าคนที่อยู่แถวนี้อยู่กันอย่างไร ขนาดผ่านมาไม่นานยังเหม็นขนาดนี้”

เป็นการตอบกระทู้ของ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ถูกตั้งกระทู้ถามจาก ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ สส.พรรคประชาชน ที่ว่า สัญญาโรงขยะอ่อนนุชที่จะหมดในช่วงปี 69-70 จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ?

จึงเป็นที่มาให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ประกาศยุติ 2 สัญญา โรงขยะอ่อนนุช ได้แก่

  1. โรงงานทำปุ๋ยหมัก ขนาด 1,000 ตันต่อวัน ประกอบการมาแล้ว 8 ปี หมดสัญญาปี 2570
  2. โรงงานกำจัดมูลฝอย (ด้วยวิธีการหมักทำปุ๋ย) ขนาด 600 ตันต่อวัน ประกอบการมาแล้ว 10 ปี หมดสัญญา ธ.ค. ปี 2569

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร

โรงขยะอ่อนนุช: ปัญหามลพิษและความท้าทายของกรุงเทพมหานคร

โรงขยะอ่อนนุช หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช” ตั้งอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในสถานที่กำจัดขยะหลักของเมืองหลวงที่มีประชากรหนาแน่น และผลิตขยะปริมาณมหาศาลในแต่ละวัน ด้วยพื้นที่กว่า 580 ไร่ ศูนย์แห่งนี้รับหน้าที่จัดการขยะมูลฝอยจากชุมชนในกรุงเทพฯ ราว 3,400-4,000 ตันต่อวัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสำคัญของขยะทั้งหมดที่กรุงเทพมหานครต้องกำจัดถึง 9,500 ตันต่อวัน

แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของโรงขยะอ่อนนุช กลับกลายเป็นประเด็นร้อนที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนโดยรอบ โดยเฉพาะปัญหากลิ่นเหม็นและมลพิษที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน

ความเป็นมาของโรงขยะอ่อนนุช

ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช เริ่มดำเนินการมานานหลายทศวรรษ โดยเดิมทีมีบทบาทเป็นสถานีคัดแยกและฝังกลบขยะ ต่อมาในปี 2560 กรุงเทพมหานครได้ลงนามสัญญากับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการบริหารจัดการมูลฝอยชุมชนด้วยเทคโนโลยีเชิงกล-ชีวภาพ (Mechanical-Biological Treatment: MBT) ขนาด 800 ตันต่อวัน บนพื้นที่ 20 ไร่ภายในศูนย์ โครงการนี้มีเป้าหมายเปลี่ยนขยะให้เป็นพลังงาน โดยผลิตก๊าซชีวภาพและไฟฟ้าขนาด 4.2 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มเดินระบบอย่างเต็มรูปแบบในปี 2563

ถึงแม้จะมีเจตนาดีในการลดปริมาณขยะ และสร้างพลังงานหมุนเวียน แต่ทว่า การตั้งโรงงานใกล้ชุมชน กลับนำมาซึ่งปัญหามลภาวะที่รุนแรง

โรงขยะอ่อนนุช กับปัญหาที่ชุมชนต้องเผชิญ

ตั้งแต่เริ่มดำเนินการ ชาวบ้านในเขตประเวศ สวนหลวง สะพานสูง รวมถึงบางส่วนของลาดกระบังและสมุทรปราการ ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นรุนแรงที่ลอยมาจากโรงขยะอ่อนนุช โดยเฉพาะในช่วงฝนตกหรือลมแรง ที่กลิ่นยิ่งทวีความรุนแรง ชาวบ้านบางรายระบุว่า ได้กลิ่นตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางกายและใจ เช่น อาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ และความเครียดจากการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย นอกจากนี้ ยังมีรายงานน้ำเสียจากกองขยะไหลลงสู่คลองและชุมชนใกล้เคียง เพิ่มความกังวลเรื่องมลพิษทางน้ำ

ปัญหานี้รุนแรงถึงขั้นที่ชุมชนรวมตัวยื่นฟ้องศาลปกครองในปี 2566 เพื่อขอเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และเรียกร้องให้ปิดโรงงานอย่างถาวร โดยระบุว่า โรงงานตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชนเกินไป ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากคำสั่งหัวหน้า คสช. (ที่ 4/2559) ที่ยกเว้นผังเมือง อนุญาตให้ตั้งโรงงานในพื้นที่ที่เดิมไม่ได้รับอนุญาต

ความพยายามแก้ไขและอุปสรรค

กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้มาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในปี 2565 กรมโรงงานฯ สั่งปิดโรงงานชั่วคราว 30 วัน เพื่อให้ปรับปรุงระบบบำบัดกลิ่น และมีการติดตั้งระบบฉีดสเปรย์ดับกลิ่น รวมถึงปลูกต้นไม้เป็นกำแพงธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ชาวบ้านยังคงร้องเรียนว่ากลิ่นเหม็นไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

จนล่าสุด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ดร.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ระบุในการตอบกระทู้ถามสดในสภาว่า สัญญาการทำปุ๋ยหมักของโรงขยะอ่อนนุชที่กำลังจะหมดในอีก 2 ปีข้างหน้า อาจไม่ได้รับการต่ออายุ เนื่องจากปัญหามลพิษกลิ่นที่ยังไม่คลี่คลาย นอกจากนี้ เตาเผาขยะบางส่วนที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 30 ปี และขาดระบบกรองมลพิษก็ถูกสั่งปิดชั่วคราวเพื่อปรับปรุง

ปัญหาโรงขยะอ่อนนุชสะท้อนถึงความท้าทายในการจัดการขยะของกรุงเทพมหานคร ที่ต้องรับมือกับปริมาณขยะมหาศาลท่ามกลางข้อจำกัดด้านพื้นที่และเทคโนโลยี แม้จะมีความพยายามแก้ไขจากหลายฝ่าย แต่ปัญหายังคงเรื้อรังและต้องการแนวทางที่ครอบคลุมและยั่งยืน ทั้งนี้ โรงขยะอ่อนนุช จะสามารถเปลี่ยนจาก “ต้นตอของมลพิษ” สู่ “ต้นแบบของการจัดการขยะที่ยั่งยืน” ได้หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป

ภาพ : ภาพปกเป็นภาพประกอบบทความเท่านั้น

Related posts

27 เม.ย. ‘วันสมเสร็จโลก’ วิศวกรแห่งระบบนิเวศ

จาก ‘หมูแพง’ สู่ ‘หมูเถื่อน’ มลพิษสิ่งแวดล้อมและภัยต่อสังคม

‘กระดาษสัมผัสอาหาร’ ต้องปลอดภัย เตรียมเป็นสินค้าควบคุม ธ.ค. 68