อีวอน โชวีนาร์ด (Yvon Chouinard) เป็นนักปีนเขาชาวอเมริกัน และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผู้ใจบุญ เขาคือนักธุรกิจเจ้าของ Patagonia (พาทาโกเนีย) แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์เดินป่าสัญชาติอเมริกัน ซึ่งได้ประกาศบริจาคหุ้นของบริษัทและนำกำไรประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับองค์กรการกุศลเพื่อนำเงินไปจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ตอนนี้โลกเป็นผู้ถือหุ้นรายเดียวของเรา”
โชวีนาร์ดกล่าวผ่านจดหมาย และว่าตัวเขาเองไม่เคยอยากเป็นนักธุรกิจ แรกเริ่มก็เป็นช่างฝีมือทำอุปกรณ์ปีนเขาให้เพื่อนและตัวเอง จากนั้นก็เริ่มทำเครื่องแต่งกาย และผ่านไป 50 ปี ตอนนี้เริ่มเห็นปัญหาโลกร้อนและการทำลายระบบนิเวศ จึงต้องการเห็นบริษัทเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจ
เริ่มต้นด้วยผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง และบริจาค 1% ของยอดขายในแต่ละปี กระทั่งในปี 2018 ได้เปลี่ยนวัตถุประสงค์ของบริษัทเพื่อหันมาทำธุรกิจเพื่อช่วยโลก จากที่เดิมทีเขาลังเลระหว่างทางเลือกขาย Patagonia และบริจาคเงินทั้งหมด แต่ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเจ้าของคนใหม่จะรักษาค่านิยมของบริษัทหรือให้ทีมงานทั่วโลกมีงานทำต่อไปหรือไม่
อีกทางหนึ่งคือการนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็จะอยู่ภายใต้แรงกดดันมากเกินไปที่จะสร้างกำไรในระยะสั้นโดยแลกกับความรับผิดชอบในระยะยาว
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้หุ้นของบริษัทในส่วนที่เรียกว่า voting stock หรือหุ้นมีสิทธิโหวตซึ่งมีสัดส่วน 2% ของทั้งหมดโอนให้องค์กรที่ชื่อว่า Patagonia Purpose Trust เพื่อปกป้องค่านิยคมของธุรกิจนี้ไว้ ส่วนที่เหลืออีก 98% ที่เรียกว่า nonvoting stock จะโอนให้องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีชื่อว่า Holdfast Collective
และจะนำผลกำไรทั้งหมดของบริษัทซึ่งประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีไปใช้เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนชุมชนต่างๆ ที่ยังไม่พัฒนาทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
โชนาร์ดบอกว่า รายได้ทั้งหมดจะกลับเข้าบริษัทก็ต่อเมื่อนำมาใช้ในการลงทุนเพิ่มเติมเท่านั้น “เราจะมอบเงินให้มากเท่าที่จะมากได้ ให้กับคนที่ทำงานเพื่อช่วยโลกใบนี้อยู่” ชูนาร์ดในวัย 83 ปีให้สัมภาษณ์กับ The New York Times
อ้างอิง:
Lora Kolodny (Sep 14, 2022) “Patagonia founder just donated the entire company, worth $3 billion, to fight climate change” . CNBC
David Gelles (Sep 14, 2022) “Billionaire No More: Patagonia Founder Gives Away the Company” . The NewyorkTimes