เสือดำลุ้นศาลอุทธรณ์

ผมเพิ่งได้โอกาสเดินทางไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเป็นครั้งแรก นับจากเกิดเหตุการณ์ยิงเสือดำ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561

แต่ความพยายามของผมที่จะไปให้ถึง “ที่เกิดเหตุอาชญากรรม” บริเวณห้วยปะชิ กึ่งกลางทางระหว่างหน่วยฯ ทิคอง และหน่วยฯ มหาราช ต้องสะดุดตอนใกล้จะถึงห้วยปะชิรอมร่อ เนื่องจากมีต้นไม้ใหญ่โค่นขวางถนนเสียก่อน

ทั้งนี้ ก่อนเข้าทุ่งใหญ่ฯ ไม่กี่วันก็มีข่าวด้วยว่า พนักงานอัยการได้ยื่นอุทธรณ์คดีเสือดำต่อศาลอุทธรณ์แล้ว ให้เพิ่มโทษ “เปรมชัย” ว่าไม่ใช่แค่ “สนับสนุน” การล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แต่เป็น “ตัวการ”

เห็นแล้วก็บังเกิดความหวังรำไร ก็ “เปรมชัย” เป็นต้นเรื่องของคดีนี้ทั้งหมด ลำพังข้าทาสบริวารไม่มีศักยภาพพอจะมาก่อเหตุอะไรแบบนี้ได้ จึงสาสมกับคำว่า “ตัวการ” ทุกประการ

แต่เจ้าสัวมาทำแบ๊ว เป็นนักเที่ยวป่าหัวใจสีเขียว ตอนเป็นจำเลยนี่แหละ

เอาง่ายๆ ถ้าคุณไม่มีเจตนาจะขนปืนมาล่าสัตว์ ไม่ว่าอย่างไรคุณก็ต้องไม่เอาปืนเข้าไป ข้ออ้างในคำให้การประมาณว่า ตกกระไดพลอยโจนต้องเอาปืนมา มันฟังโคตรพิลึก!

จากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เอาละ ผมชื่นชมที่ศาลท่านสั่งจำคุก “เปรมชัย” โดยไม่มีการรอลงอาญา ถือเป็นโทษที่คนระดับนี้ก็คงรู้สึกว่ารุนแรงเกินไป (โดนลงโทษ 3 ข้อหา รวมจำคุก 16 เดือน)

แต่ก็ดูเหมือนว่า ศาลเชื่อถือในคำให้การของกลุ่มจำเลยมากพอสมควร ความได้เปรียบของจำเลยก็คือ ฝ่ายโจทก์ขาดประจักษ์พยานที่เห็นเหตุการณ์ ฝ่ายจำเลยจะซักซ้อมคำให้การให้สอดรับอย่างไรก็ทำได้ ถือเป็นเรื่องปกติของการสู้คดี

อย่างไรก็ตาม คำให้การบางส่วนของฝ่ายพยานโจทก์ ถ้าศาลท่านรับฟังสักนิดละก็ คดีนี้จะพลิกโฉมไปอีกทาง

เป็นคำให้การของเจ้าหน้าที่หน่วยฯ มหาราช ที่ระบุว่า ไม่เห็น “เปรมชัย” ขับรถมาถึงหน่วย แบบที่เจ้าตัวกล่าวอ้างแต่อย่างใด

คือเจ้าตัวอ้างว่า ในวันที่สองของการพักแรม เขาคนเดียวขับรถกินลมชมป่าตั้งแต่เช้า จากแคมป์ห้วยปะชิ ผ่านหน่วยฯ มหาราช ไปถึงหน่วยฯ เซซาโว่

ระหว่างนั้นเอง พรานลูกน้องดันไปยิงเสือดำโดยพลการ แกไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล้ย!

ตรงนี้แหละ หากศาลเชื่อคำเบิกความของเจ้าหน้าที่ ว่าไม่มีรถ “เปรมชัย” แล่นมาถึงหน่วยฯ มหาราช เรื่องราวสอดรับกันต่างๆ นานาของกลุ่มจำเลย ก็จะพังทลาย

อีกอย่างที่น่าเสียดาย “เปรมชัย” ไม่โดนคดีครอบครองซากเสือดำ โดนแต่คดีไก่ฟ้าหลังเทา ทั้งที่หลายๆ คนก็สงสัยว่า ประเด็นนี้มันแยกจากกันได้อย่างไร?

หัวไก่ฟ้าอยู่ในถังน้ำแข็ง ทำให้ “เปรมชัย” โดนคดี แต่หางเสือดำที่อยู่ในหม้อ และมีเศษซากเสือดำอยู่หลังเต็นท์  กลับไม่พอเป็นมัดตัว “เปรมชัย” ฐานครอบครอง

อีกทั้งโทษจำคุก 2 เดือน ข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่า ว่าไปแล้วก็ถือว่าค่อนข้างเบา เพราะจริงๆ ข้อหานี้ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปีเลยทีเดียว

มาถึงบทสรุป ผมยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ยังมีชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ให้ติดตามผลคดีกันต่อไป “ดุลยพินิจ” ของแต่ละศาล ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

ระหว่างรอผลทางคดี ก็ชม “แววตา” ของเสือดำในภาพประกอบไปพลาง เป็นแววตาที่แลดูกร้าว ไม่ค่อยสบอารมณ์!

Related posts

การเกษตรรักษ์โลก ‘แหนเป็ด’ ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคตโปรตีนสูง 45%

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

ประโยชน์การเข้าร่วมเวที COP29 โอกาสเข้าถึงเงินช่วยเหลือของไทย