ออกกฎหมายใหม่สกัดไฟป่า อเมริกาเลิกเอาผิดคนเผา หันใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นจัดการ

ปลายปี 2021 รัฐแคลิฟอร์เนียผ่านกฎหมายฉบับใหม่หลายสิบฉบับซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2022 หนึ่งในนั้นคือ “กฎหมายไฟป่าฉบับใหม่” มันใหม่จริง ๆ เพราะนับจากนี้รัฐจะไม่เอาผิดกับประชาชนหรือชนเผ่าต่าง ๆ ที่ใช้ “ภูมิปัญญาท้องถิ่น” ในการจัดการไฟ

ที่ผ่านมา กฎหมายเอาผิดกับประชาชนหรือชนพื้นเมืองที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ป่าจนควบคุมไม่ได้ โดยเหมารวมผู้ที่ใช้ภูมิปัญญาในการควบคุมไฟที่เรียกว่า controlled burns หรือการสร้างไฟป่าในพื้นที่ที่ควบคุมได้ด้วยการเผาทำลายเชื้อเพลิงส่วนเกินในป่า และป้องกันไม่ให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่

กฎหมายใหม่ที่ออกมาเป็นการพลิกโฉมแนวทางการจัดการไฟป่าแบบดั้งเดิมที่ใช้กันมาเป็นร้อยปี เพราะนอกจากไม่ได้ผลแล้ว แคลิฟอร์เนียยังเป็นรัฐที่เกิดไฟป่าครั้งใหญ่บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่กฎหมายก็ล้าหลัง วิธีการก็ล้าสมัย ทำให้พวกเขาต้องหันมาทบทวนวิธีการ จนกระทั่งยอมผ่านกฎหมายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในที่สุด

วิธีการควบคุมไฟแบบ controlled burns เป็นภูมิปัญญาของคนพื้นเมืองอเมริกันที่ใช้กันมาหลายร้อยหลายพันปีเพื่อควบคุมไฟป่า ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งจะมีกิ่งไม้และใบไม้แห้งหรือหญ้าแห้งปริมาณมากจนเกินไปและกลายเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ผู้คนจึงต้องเผาทำลายมันเสียก่อนด้วยการควบคุมการเผาอย่างถี่ถ้วน (บ้านเราเรียกว่าชิงเผาแต่ดำเนินการโดยรัฐและห้ามประชาชนในพื้นที่ชิงเผาหรือถ้าจะเผาต้องขออนุญาตก่อน) 

จนกระทั่งเมื่อคนขาวเข้ามาและตั้งรัฐแคลิฟอร์เนียรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา รัฐบาลส่วนกลางมีวิธีคิดที่คนละโลกกับคนพื้นเมือง พวกข้าราชการ “หัวสมัยใหม่” กลัวไฟทุกอย่าง ไม่อยากจะให้มีไฟเลย และด้วยแนวคิด “อนุรักษ์” จึงปล่อยให้ป่าเติบโตจนหนาแน่น ซึ่งเท่ากับสุมเชื้อไฟให้ป่าโดยไม่รู้ตัว

“พวกคนขาว” หัวดื้อคิดว่าตัวองทำถูกไปเสียทั้งหมด เช่น ในจดหมายฉบับหนึ่งในปี 1918 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติคลาแมธได้เขียนถึงหัวหน้างานของเขาว่าหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของกรมป่าไม้แห่งสหรัฐอเมริกาคือควบคุมไฟให้น้อยที่สุด แต่ “คนผิวขาวทรยศและชาวอินเดียนแดง” ได้จุดไฟเผา “ด้วยความน่าอัปยศอดสูแท้ ๆ” 

เขาถึงขนาดแนะนำว่า วิธีแก้ปัญหาคือ “ฆ่าพวกมันซะ” ด้วยการยิงคนพวกนี้ นอกจากนี้ เขายังแนะนำให้จ้างมิชชันนารีหญิงที่ “ได้รับความไว้วางใจ” จากชาวพื้นเมืองเพื่อโน้มน้าวให้พวกเขานำทฤษฎีเรื่องการจัดการกับไฟของคนขาวมาใช้ นั่นคืออย่าไปเผาเพื่อควบคุมมัน 

รัฐบาลกลางคิดแบบนี้มานานถึงร้อยปี จนกระทั่งในยุคสมัยของเราเริ่มมีผู้ชี้ให้เห็นว่า วิธีแบบนั้นนั่นแหละที่เป็นตัวการปัญหา และควรใช้วิธีการคนพื้นเมืองดั้งเดิมคือ  controlled burns จะดีกว่า หลังจากณรงค์กันมาอย่างยาวนานในที่สุดก็สามารถผลักดันเข้าสู่สภาและออกมาเป็นกฎหมายฉบับใหม่ได้สำเร็จ

ไม่ใช่เพราะจู่ ๆ รัฐบาลเห็นคุณค่าปัญญาชนพื้นเมือง แต่เพราะแคลิฟอร์เนียกำลังอับจนหนทางจากปัญหาไฟป่าร้ายแรงแบบรายปีและระยะหลังเกิดขึ้นหลายครั้งต่อปี เนื่องจากรัฐนี้เจอเข้ากับภาวะโลกร้อนแบบจัง ๆ ทำให้เกิดภาวะแห้งแล้ง เมื่อป่าที่เต็มไปด้วยเชื้อไฟเจอกับความแล้งและแห้ง มันคือหายนะในทันที

ตามรายงานล่าสุดของสหประชาชาติพบว่า ผลของการอนุรักษ์ป่าแบบไม่ควบคุม (ไม่ชิงเผา) ทำให้อุทยานแห่งชาติโยเซมิตีในแคลิฟอร์เนียที่เป็นป่าผืนใหญ่และเต็มไปด้วยต้นไม้ยักษ์โบราณในตอนนี้กลายเป็นแหล่งปล่อยคาร์บอนสุทธิไปเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไฟไหม้รุนแรงขึ้นและการจัดการป่าไม้ที่ไม่ดี 

แคลิฟอร์เนียไม่ใช่รัฐแรกที่เปลี่ยนแปลงกฎหมายการจัดการไฟแบบควบคุม เพราะในปี 1990 ฟลอริดาเป็นรัฐแรกที่ลดมาตรฐานการเอาผิด “ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” ที่ก่อนหน้านี้เอาผิดผู้เผาป่าแบบเหมารวม เพื่อเปิดโอกาสให้มีการจัดการกับไฟป่าอย่างมีความรับผิดชอบ หรือ prescribed burning โดยไม่ถูกตั้งข้อหาสุ่ม ๆ ว่าเป็นพวกเผาป่า โดยรัฐเนวาดา จอร์เจีย และมิชิแกน ก็ปฏิบัติตามแนวทางนี้

นอกจากนี้ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2022 ทอม วิลแซค รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐอเมริกาและแรนดี มัวร์ หัวหน้าสำนักงานป่าไม้รัฐบาลกลาง เปิดตัวยุทธศาสตร์การตอบสนองต่อวิกฤตไฟป่าที่เพิ่มขึ้นของประเทศอย่างครอบคลุม คือ “เผชิญหน้ากับวิกฤตไฟป่า: กลยุทธ์ในการปกป้องชุมชนและการปรับปรุงความยืดหยุ่นในป่าของอเมริกา” 

กลยุทธ์นี้สรุปความจำเป็นในการเพิ่มเชื้อเพลิงและการรักษาสุขภาพป่าไม้อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อจัดการกับวิกฤตไฟป่าที่ทวีความรุนแรงและคุกคามพื้นที่หลายล้านเอเคอร์รวมถึงชุมชนจำนวนมากทั่วสหรัฐอเมริกา โดยรัฐบาลกลางจะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐอื่น ๆ โดยเฉพาะชนเผ่าและคนท้องถิ่นเพื่อช่วยกันสกัดกั้นไฟป่า

หนึ่งในกลยุทธ์ที่จะใช้รวมถึงการเผาป่าแบบควบคุมและ “การทำให้เบาบาง” (thinning ) คือการลดความหนาแน่นของป่าเพื่อลดเชื้อเพลิงในป่า และทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงหลังเกิดไฟไหม้ การกู้คืน และการปลูกป่าด้วย

พรรคการเมือง 2 พรรคที่อยู่คนละขั้ว ยังร่วมกันผ่าน “กฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน” โดยพรรคสองฝ่ายให้เงินสนับสนุนเกือบ 3,000 ล้านดอลลาร์ในการลดเชื้อเพลิงที่เป็นอันตรายและฟื้นฟูป่าไม้และทุ่งหญ้าของอเมริกา ควบคู่ไปกับการลงทุนในชุมชนที่ปรับวิถีชีวิตให้เข้ากับไฟป่าและการปลูกป่าหลังเกิดเพลิงไหม้ โดยเงินทุนจะถูกใช้เพื่อเริ่มดำเนินงานที่สำคัญนี้

ข้อมูลจาก

  • Hilary Beaumont. (3 Dec 2021). “New California law affirms Indigenous right to controlled burns”.  Al Jazeera.
  • “Secretary Vilsack Announces New 10 Year Strategy to Confront the Wildfire Crisis”. (Jan. 18, 2022). USDA.

ภาพ U.S. Department of Agriculture – Flickr: 20130817-FS-UNK-0004

Related posts

การเกษตรรักษ์โลก ‘แหนเป็ด’ ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคตโปรตีนสูง 45%

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

ประโยชน์การเข้าร่วมเวที COP29 โอกาสเข้าถึงเงินช่วยเหลือของไทย