7 องค์กรยึดแนวทาง Nature-based Solutions แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก

การลดความรุนแรงวิกฤตสภาพอากาศไม่ต้องพึ่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากเสมอไป เพราะวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผลที่สุดมาจากกลโกธรรมชาติที่มีอยู่

วิธีการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ (Climate Change) ที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาบางส่วน มีองค์ประกอบของนิยายวิทยาศาสตร์เสียส่วนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น การกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากอากาศด้วยเครื่องจักร ไปจนถึงการปล่อยซัลเฟตเพื่อป้องกันรังสีของดวงอาทิตย์ ฯลฯ ทั้งที่ระบบนิเวศต่างๆ ของโลกมีความสามารถพิเศษในการฟื้นตัวจากความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งนับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม

ในขณะที่ระบบนิเวศเหล่านี้ฟื้นตัว พวกมันยังสามารถรักษาเสถียรภาพของสภาพอากาศโลกและปกป้องสิ่งมีชีวิตนับล้านไว้ได้ แต่การฟื้นฟูต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมนุษย์ นั่นก็คือการหยุดกิจกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ธรรมชาติที่จะใช้ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้และถูกพูดถึงกันมาในระยะหลังคือ Nature-based Solutions หรือแนวทางการแก้ปัญหาที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน ได้แก่ โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูที่ช่วยให้ชุมชนปรับตัวและลดภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมสุขภาพสิ่งแวดล้อมในวงกว้างด้วย

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวทางการแก้ปัญหาโดยมีธรรมชาติเป็นพื้นฐานได้รับความสนใจในการเคลื่อนไหวเพื่อรับมือกับปัญหาสภาพอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศต่างๆ เริ่มดำเนินการตามเป้าหมายที่จะปกป้องพื้นที่ทางบกและทางทะเล 30% ภายในปี 2030 แต่การดำเนินการดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการปลดล็อกศักยภาพของโลก

ปัจจุบันสภาพแวดล้อมบนพื้นดินมากกว่า 75% และมหาสมุทร 2 ใน 3 ส่วนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากกิจกรรมของมนุษย์ตามข้อมูลของ Nature America การย้อนกลับการลดลงนี้จะต้องอาศัยการลงทุนและนโยบายที่มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อจำกัดกิจกรรมทางอุตสาหกรรมที่เป็นอันตราย ขณะเดียวกันมี3 ข้อเท็จจริงสำคัญบนโลกนั่นคือความหลากหลายทางชีวภาพของพันธุ์พืชและสัตว์ที่จะต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากกว่า 99% ของ 4,000 ล้านสายพันธุ์ได้สูญพันธุ์ไปแล้ว

รายงานของสหประชาชาติในปี 2019 พบว่าสัตว์และพืชประมาณ 1 ล้านสายพันธุ์กำลังเผชิญกับการสูญพันธุ์ โดยหลายสายพันธุ์จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่ทศวรรษ อัตราดังกล่าวถือเป็นอัตราที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษย์

ต่อไปนี้เป็น 7 องค์กรผู้นำในการแก้ปัญหาตามแนวทางที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐานที่น่าสนใจ
1. Conservation International
องค์กรที่มุ่งมั่นอย่างไม่ลดละในภารกิจปกป้องสิ่งแวดล้อมโลก ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมากลุ่มนี้ได้ช่วยอนุรักษ์ผืนดินและพื้นที่ทางทะเลมากกว่า 2.3 ล้านไมล์ โดยการใช้ประโยชน์จากความรู้ทางวิทยาศาสตร์อันกว้างขวาง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้ผู้รู้ด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เพื่อนำโครงการต่างๆ มาปรับใช้

นอกจากนั้นยังทำงานเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ทุ่งหญ้าหลายหมื่นเฮกตาร์บนเทือกเขา Chyulu ของเคนยา ส่งเสริมให้เกษตรกรต่อสู้กับการตัดไม้ทำลายป่าในเขตป่าสงวน Alto Mayo ของเปรู และปลูกป่าชายเลนทดแทนตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของโคลอมเบีย

2. Wetland International
พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ที่หลากหลาย ช่วยกรองสารพิษที่เป็นอันตรายออกจากน้ำ ป้องกันชายฝั่งจากพายุรุนแรง และดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมหาศาล อย่างไรก็ตาม พื้นที่ชุ่มน้ำกำลังหายไปในอัตราที่เร็วกว่าป่าไม้ถึงสามเท่า เนื่องมาจากการพัฒนาที่มากเกินไป Wetland International เป็นผู้นำความพยายามระดับโลกในการหยุดยั้งการลดลงของพื้นที่ชุ่มน้ำ ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำที่เสียหาย และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำเดิมที่สูญเสียไป 65% ให้กลับคืนมา ในฐานะพันธมิตรของทศวรรษแห่งการฟื้นฟูของสหประชาชาติ WI มุ่งเน้นที่การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำในเมือง สนับสนุนผู้ดูแลสิ่งแวดล้อมของชนพื้นเมือง และนำเยาวชนเข้าสู่โครงการฟื้นฟู

3. Re:Wild
บนโลกมีสิ่งมีชีวิตมากถึง 1 ล้านล้านสายพันธุ์ แต่บางครั้งมนุษย์ก็ทำตัวเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ที่นั่น ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมทำให้สัตว์ป่าสูญเสียไป 2 ใน 3 Re:wild มุ่งมั่นที่จะขยายความเข้าใจของสาธารณชนเกี่ยวกับสัตว์ป่า โดยส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถรักษาพื้นที่ป่าให้คงสภาพป่าเอาไว้ได้ การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างระบบนิเวศให้สายพันธุ์ต่างๆ สามารถดำรงอยู่ได้ ในปี 2020 เพียงปีเดียว กลุ่มได้ช่วยอนุรักษ์พื้นที่กว่า 45 ล้านเอเคอร์เพื่อช่วยเหลือสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ 835 สายพันธุ์

4. 1t.org
มนุษย์โค่นต้นไม้ประมาณ 15,000 ล้านต้นทุกปีและทำให้จำนวนต้นไม้บนโลกเมื่อ 12,000 ปีก่อนลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง การตัดไม้ทำลายป่าครั้งใหญ่ได้ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญของสัตว์ป่า คุกคามแหล่งอาหารและน้ำ และยังทำให้เกิดวิกฤตการณ์ด้านสภาพอากาศอีกด้วย

ต้นไม้มีความสำคัญต่อการอยู่รอดในอนาคตของเราและมีบทบาทสำคัญในการชะลอวิกฤตสภาพอากาศ องค์กรต่างๆ เช่น 1t.org กำลังพยายามระดมผู้คนนับล้านทั่วโลกเพื่อปลูกต้นไม้ 1 ล้านล้านต้น ภายในปี 2030 เพื่อสนับสนุนทศวรรษแห่งการฟื้นฟู โดยมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายและสนับสนุนโครงการต่างๆ

เช่น กำแพงสีเขียวขนาดใหญ่ในภูมิภาคซาเฮลของแอฟริกา ซึ่งพันธมิตรหลายสิบรายได้ประกาศแผนการปลูกป่าใหม่ผ่าน 1t.org รวมถึง Accion Andia ซึ่งเป็นความพยายามที่นำโดยเยาวชนเพื่อฟื้นฟูต้นไม้ 30 ล้านต้นในเทือกเขาแอนดีส Girl Scouts of USA ซึ่งอยู่ระหว่างการปลูกต้นไม้ 5 ล้านต้น และ Mastercard ซึ่งวางแผนที่จะฟื้นฟูต้นไม้ 100 ล้านต้น ภายในปี 2025

โครงการริเริ่มที่น่าทึ่งที่สุดโครงการหนึ่งผ่าน 1t.org มาจากกลุ่มปลูกป่าในชุมชน SUGi ซึ่งได้รับทุนจากแบรนด์นาฬิกาหรู Breitling SUGi กำลังทำงานร่วมกับนักโทษที่ Yakama Nation Corrections & Rehabilitation Facility ในกรุงวอชิงตัน เพื่อฟื้นฟูป่าในบริเวณใกล้เคียงและพัฒนาทางเดินสำหรับสัตว์ป่า ความพยายามนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักโทษกลับคืนสู่สังคม ขณะเดียวกันก็ซ่อมแซมภูมิทัศน์ที่เสื่อมโทรมด้วย

5. Sustainable Harvest International
วิกฤตการณ์หลายอย่างที่เรากำลังเผชิญมีความเชื่อมโยงกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ตัวอย่างเช่น ความท้าทายที่ระบบอาหารโลกกำลังเผชิญนั้นเกี่ยวข้องกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ท้ายที่สุดแล้ว การผลิตอาหารเป็นสาเหตุของก๊าซเรือนกระจกประมาณหนึ่งในสามและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้การปลูกพืชผลทำได้ยากขึ้น

Sustainable Harvest International มุ่งจับมือกับชุมชนเกษตรกรรมเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในท้องถิ่น จากนั้นช่วยเหลือชุมชนเหล่านี้ทำการเกษตรแบบยั่งยืนเพื่อช่วยบรรเทาความยากจน ในอเมริกากลางองค์กรได้ช่วยปลูกต้นไม้ทดแทนจำนวน 20,000 ต้นสำหรับปลูกฟุตบอล ช่วยให้เกษตรกรสามารถนำแนวทางการเกษตรแบบยั่งยืนมาใช้ และช่วยเพิ่มรายได้เฉลี่ย 23%

6. The Nature Conservancy
ไม่ว่าจะพยายามฟื้นฟูแนวปะการังหรือป้องกันการกลายเป็นทะเลทราย องค์กร Nature Conservancy และทีมนักวิทยาศาสตร์กว่า 400 คน สามารถช่วยให้คุณวางแผนล่วงหน้าได้ดีที่สุด องค์กรนี้ใช้หลักวิทยาศาสตร์เพื่อชี้นำโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูมานานหลายทศวรรษ และช่วยปกป้องพื้นที่กว่า 125 ล้านเอเคอร์ ปัจจุบันกลุ่มนี้มุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์ในวงกว้างเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ชุมชนในท้องถิ่นพัฒนาอาชีพที่สนับสนุนเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

7. World Wildlife Fund – กองทุนสัตว์ป่าโลก
ในช่วงหกทศวรรษที่ผ่านมากองทุนสัตว์ป่าโลกได้ต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมโลก โดยการดำเนินการศึกษาวิจัยและเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับสัตว์ป่าที่ถูกคุกคาม ช่วยเหลือบริษัทต่างๆ ในการปฏิรูปการดำเนินงาน กดดันรัฐบาลให้มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และดูแลงานอนุรักษ์และฟื้นฟูในพื้นที่ New Deal for Nature and People ของกลุ่ม มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบนิเวศสามารถฟื้นตัวได้และสายพันธุ์ต่างๆ สามารถเจริญเติบโตได้

อ้างอิง:
• Aug 26, 2021 . 7 Groups Leading the Way With Nature-Based Solutions for People and Planet By Joe McCarthy, Global Citizen
• Jul 30, 2021 . What Is ‘Rewilding’ and How Can It Help Restore Our Planet’s Biodiversity? By Jaxx Artz, Global Citizen

Related posts

เมืองทั่วโลกเร่งปรับตัว รับมือคลื่นความร้อนดันอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น

สรุป 10 ปัจจัยน้ำท่วมเชียงราย ไม่มีระบบบริหารจัดการน้ำระดับชาติ

โลกป่วนภูมิอากาศเปลี่ยน คุมอุณหภูมิไม่อยู่ Flexitarian ช่วยกอบกู้โลก