‘ทส.’ – ‘สธ.’ ร่วม MOU คุ้มครองสุขภาพประชาชนจากภาวะโลกร้อน

กระทรวงทรัพย์ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปรับตัวรับมือผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ “การบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสาขาสาธารณสุข ภายใต้แผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ” เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและเตรียมความพร้อมในการรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เชื่อมโยงการวางแผนตามแนวทางการปรับตัวและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างมีส่วนร่วม

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ความสำคัญกับการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน จึงได้ร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อยกระดับการขับเคลื่อนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความเข้มแข็งของระบบสุขภาพของประเทศ ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในทุกพื้นที่ รวมถึงการลดและป้องกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตของประชาชนจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการบูรณาการการดำเนินงานของทั้งสองกระทรวง ตั้งแต่แผนและมาตรการที่เกี่ยวข้อง การเตรียมความพร้อมเพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน การพัฒนามาตรฐาน งานวิชาการ นวัตกรรม ข้อมูลสารสนเทศ องค์ความรู้เรื่องความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวฯ ตามเป้าหมายของประเทศที่สอดคล้องกับแผนการปรับตัวฯ ระดับโลกด้านสาธารณสุขอีกด้วย โดย ทส. จะสนับสนุนการเชื่อมโยงการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือทั้งในและระหว่างประเทศ ตลอดจนการขอรับการสนับสนุนด้านการเงิน เพื่อสร้างสังคมที่มีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่ประชาชนชาวไทยต่อไป

ด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่า มีประชากร 3,600 ล้านคน อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคาดว่าในช่วงปี 2573 – 2593 จะมีผู้เสียชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มขึ้นประมาณ 250,000 คนต่อปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ให้ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับนานาชาติ ตามนโยบายขององค์การอนามัยโลกและในระดับประเทศ

โดยผลักดันนโยบายและแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้านสาธารณสุข (พ.ศ. 2564 – 2573) รวมทั้ง การสร้าง “ระบบสุขภาพที่มีความยืดหยุ่น ภายใต้ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการพัฒนาระบบการให้บริการสุขภาพ เมื่อเผชิญกับภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ตลอดจนการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนและชุมชนสามารถจัดการความเสี่ยงต่อสุขภาพ และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน ซึ่งการทำงานร่วมกันของทั้งสองกระทรวง จะเป็นต้นแบบการขยายผลความร่วมมือเพื่อสร้างสิ่งที่ดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นกับประเทศไทยและโลกใบนี้อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับการลงนาม MOU ครั้งนี้มี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานร่วมการลงนาม เมื่อเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2567 ณ ทำเนียบรัฐบาล

Related posts

จัดเดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ปีที่ 2 ส่งต่อขาเทียมช่วยผู้พิการยากไร้

‘COP-19’ ดันอาเซียน เป็นภูมิภาคปลอด หมอกควัน

5 ปีอุณภูมิโลกส่อทะลุ 1.5 องศา ไทยเร่งรับมือ 6 สาขาเสี่ยงระดับพื้นที่