ผมอยากใช้เหตุการณ์สลด ผู้พิทักษ์ป่าซับลังกา จ.ลพบุรี ถูกพรานยิงตายขณะเข้าจับกุม เขียน “จดหมายถึงพราน” เพื่อบอกกล่าวบางสิ่งบางอย่างในใจผม ต่อพวกพรานใจฉกาจ
ถึงพรานใหญ่น้อยทั่วประเทศ
แม้พวกท่านจะเป็นหนึ่งในคนชายขอบ มีชีวิตยากแค้นในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ แต่ผมเชื่อว่าพรานปัจจุบันจำนวนมากมาย มีโลกโซเชียล มีเฟซบุ๊ก มีไลน์ ผมหวังว่าจะมีคนแชร์สารจากผมไปถึงพวกท่าน ดังนี้
1. ท่านควรเลิกอ้างความจน เพื่อหาเหตุล่าสัตว์ได้แล้ว แน่นอน ท่านจนจริง ผมไม่เถียง แต่การอ้างว่าจน แล้วเข้าป่าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครองสัตว์ป่าสงวนทั้งหลาย มันยังไม่ใช่เหตุผลที่ชอบธรรม ท่านอาจคิดว่าท่านไม่ใช่โจรโดยสันดานที่เที่ยวปล้นฆ่าคน ไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไร แต่การไปลอบล่าสัตว์อันผิดกฎหมาย การกระทำของท่านก็เทียบเคียงได้กับโจรแบบหนึ่งที่ปล้นเอาความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติส่วนกลางของคนไทยทุกคนไป เอาเวลาอันเหน็ดเหนื่อยในการเข้าป่า ไปเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ดปลูกผักผลไม้อันสุจริต ยังจะสร้างสรรค์กว่าหรือไม่?
2. ผู้พิทักษ์ป่าก็เป็นอาชีพที่ยากจนแบบท่านเช่นกัน พวกเขาแทบจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างสุดของกรมอุทยานฯ ผลตอบแทนต่ำ เหนื่อยมาก เสี่ยงอันตรายสูง อันตรายจากป่าดงทั้งหลายในระหว่างลาดตระเวนก็มีอยู่แทบทุกฝีก้าวอยู่แล้ว แต่ยังต้องมาเจออันตรายจากคนแบบพวกท่าน ท่านไม่สงสารลูกเมียเขาหรือที่ต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เมื่อหัวหน้าครอบครัวตัองมาสังเวยกระสุนพวกท่านคนแล้วคนเล่า นึกถึงใจเขาใจเรา ถ้าพวกท่านเป็นฝ่ายโดนกระทำรุนแรงบ้าง?
3. สังคมพรานปัจจุบันมันช่างเหลวแหลก ไม่เหมือนความคลาสสิกในนิยายป่า ดูจากพรานซับลังกาทั้ง 4 ดันมีฉี่สีม่วงทุกคน เพราะวิถีพรานสมัยใหม่ จะต้องเสพยาบ้าเพื่อให้มีแรงเดินล่าสัตว์ได้ทั้งคืน มันทำให้พวกพรานดูเหลวแหลกไร้ราคาเสียจริงๆ แค่ลอบล่าสัตว์นี่ก็เป็นพฤติกรรมที่แย่มากแล้ว แต่จะล่าสัตว์ทียังต้องเสพยาเพื่อช่วยในการล่าอีก ผมไม่แปลกใจที่เห็นข่าวปีละหลายหน “พรานกระจอก” เห็นพวกเดียวกันเป็นสัตว์ ส่องโป้งตายอนาถ เพราะพวกท่านประสาทไม่มั่นคงและหลอนจากฤทธิ์ยาเสพติดนั่นเอง ผมไม่รู้สึกสงสารแม้แต่นิดเดียวสำหรับพรานกระจอกที่ต้องมาตายไป ด้วยฝีมือของเพื่อนพรานกระจอก
4. ท่านอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ผมทราบดีว่าพรานสนุกกับการล่า และบางคนก็สนุกกับการถูกล่าอีกต่างหาก มีความเชื่อผิดๆ ว่าตัวเองเก่ง สามารถหลบหนีผู้พิทักษ์ป่าได้ ผมไม่ว่าอะไรหากท่านจะมั่นใจอะไรแบบนั้น แต่อยากขอร้องว่า ท่านอย่าทำอะไรให้มันบานปลายใหญ่โต หากวันใด เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนมาเจอและขอจับกุม นั่นเท่ากับท่านแพ้ในเกมแล้ว คุกเข่า วางปืน ชูมือยอมให้จับกุมแต่โดยดี จะเป็นการดีต่อทุกฝ่าย ดีกว่าจะขัดขืนต่อสู้ อย่างที่ซับลังกา ซึ่งผลที่จะตามมาจากนี้ พวกพรานเองก็อาจมีอันตรายเพิ่มขึ้น หากเจ้าหน้าที่ไม่อยากเสี่ยงขอจับกุมดีๆ แต่ใช้ไม้แข็งจัดการพวกท่านทันทีที่เจอ
5.กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่าในปัจจุบัน มีโทษทางอาญาที่รุนแรงกว่าเดิมมาก การเข้าป่าไปยิงสัตว์ตัวเล็กๆ ก็ผิดกฎหมายเท่ากับยิงสัตว์ใหญ่ ท่านจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงคุกตะรางกับวิถีชีวิตตกยุคแบบนี้ไปเพื่ออะไร มากกว่านั้น ท่านคงรับรู้จากโลกโซเชียลอยู่แล้ว ปัจจุบันสังคมเขาไม่ยอมรับพฤติกรรมการลอบล่าสัตว์ เขาจะประณาม ช่วยเป็นหูเป็นตา ตามล้างตามล่าพวกท่าน ดังกรณีของพวกพรานแนว “หากินวิถีชาวบ้าน” ทั้งหลายทางยูทูบ โดนตำรวจจับกุมดำเนินคดีกราวรูด ท่านอาจคิดว่าสังคมในชุมชนรอบตัว ยังมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็ทำได้ แต่ท่านต้องมองให้ไกลกว่านั้น ว่าคนที่ไม่ยอมรับ มีมากมายมหาศาล
6. “เราสนุกกันมาพอแล้ว” ท่านเคยได้ยินประโยคนี้หรือไม่? วิถีพรานไทยเดินมาถึงจุดนี้เรียบร้อยแล้ว ทุกผืนป่า สัตว์ทุกตัว มีกฎหมายคุ้มครอง มีสำนึกอนุรักษ์ของผู้คนที่โอบกอด วันเวลาของพรานมันหมดไปแล้ว ตำนานดีๆ อย่างครูพรานสอนร่ายมนต์เปิดป่า อะไรต่อมิอะไร กลายเป็นอดีตอันไม่หวนกลับ เพราะปัจจุบัน พวกคุณถึงขั้นใช้ยาเสพติดเป็นตัวช่วยในการเปิดป่า ขยับยิงตัวอะไรก็ผิดกฎหมาย เสี่ยงคุกเสี่ยงตาย มันไม่ใช่แล้วละ!
7.ถ้าท่านยังอยากล่าต่อไปละก็ ก็ยังมีสัตว์ป่าที่กฎหมายไม่คุ้มครอง อย่างพวกหนูพุกตามไร่นา เป็นวิถีการล่าที่ดูสร้างสรรค์ มีประโยชน์ (อย่าแกล้งเผลอล้ำเส้นไปยังพวกนก พังพอน อีเห็น แมวดาว ตามชายป่าทั้งหลาย ที่มีกฎหมายคุ้มครองเชียวละ!) แต่ถ้าท่านทนต่อความเย้ายวนความอยากล่าสัตว์ไม่ไหวจริงๆ แนะนำให้ไปหาเกมล่าสัตว์ออนไลน์แก้ขัดเอาก็แล้วกัน
สวัสดี
ภาพจากเพจ “ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช”