ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ ฝูง “แมงกะพรุน” นับหมื่นเกยตื้นหาดนภาธาราภิรมย์ จ.ระยอง สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศทางทะเล ที่อาจเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และภาวะโลกร้อน หรือไม่
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ชายหาดนภาธาราภิรมย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อหาด EOD ในเขตพื้นที่กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน เมื่อเกิดปรากฏการณ์ฝูงแมงกะพรุนหลากสีจำนวนมหาศาลนับหมื่นตัวพากันเกยตื้นบนชายหาด ภาพของแมงกะพรุนที่ฝังตัวอยู่ในผืนทรายราวกับลูกแก้วใสทรงกลม สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น แต่ในขณะเดียวกันก็ซ่อนภัยอันตรายที่อาจเกิดจากพิษของแมงกะพรุนบางชนิดที่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
ความงดงามแห่งปรากฏการณ์
ปรากฏการณ์นี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวันดังกล่าว โดยฝูงแมงกะพรุนที่คาดว่าลอยมาจากกลางทะเลได้พากันเกยตื้นบริเวณชายหาด EOD โดยเฉพาะบริเวณเนินทรายที่มีระดับสูงกว่าพื้นปกติ ซึ่งเป็นจุดที่มีการรวมตัวหนาแน่นที่สุด บางส่วนกระจายตัวในรัศมี 30 เมตร ตามรายงานของผู้สื่อข่าว แมงกะพรุนเหล่านี้มีลักษณะคล้ายลูกแก้วใส สีสันหลากหลาย กระจายตัวอยู่ทั่วผืนทราย สร้างภาพที่ทั้งสวยงามและแปลกตา อย่างไรก็ตาม ผู้ที่พบเห็นถูกเตือนให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการสัมผัส เนื่องจากยังไม่ทราบว่าแมงกะพรุนเหล่านี้มีพิษหรือไม่
หาดนภาธาราภิรมย์ หรือหาด EOD เป็นชายหาดทรายทอดยาวที่เงียบสงบ ร่มรื่นด้วยแนวต้นสน และเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการกางเต็นท์ริมทะเล รวมถึงมีบริการที่พักหลากหลาย เช่น เต็นท์โดม รถบ้าน และห้องพักในเครื่องบินที่ปลดประจำการแล้ว ทำให้เป็นแลนด์มาร์กที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
สาเหตุของปรากฏการณ์แมงกะพรุนเกยตื้น
ปรากฏการณ์แมงกะพรุนเกยตื้นจำนวนมากเช่นนี้ เกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับทั้งสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมของแมงกะพรุน ดังนี้:
- กระแสน้ำและคลื่นลม: ชาวประมงในพื้นที่ระบุว่าในวันที่เกิดเหตุมีคลื่นลมแรง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหลักที่พัดพาฝูงแมงกะพรุนจากกลางทะเลมาสู่ชายฝั่ง กระแสน้ำที่เปลี่ยนทิศหรือคลื่นที่รุนแรงสามารถทำให้แมงกะพรุน ซึ่งลอยตัวไปตามกระแสน้ำ ถูกพัดเข้าสู่ชายหาดและติดอยู่บนผืนทราย
- ปรากฏการณ์ “แมงกะพรุนบลูม” (Jellyfish Bloom): การเพิ่มจำนวนของแมงกะพรุนอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาหนึ่ง (True Blooms) หรือการที่แมงกะพรุนถูกรวมตัวกันในพื้นที่หนึ่งเนื่องจากกระแสน้ำ (Apparent Blooms) เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อย ในกรณีนี้ อาจเกิดจากการที่แมงกะพรุนจำนวนมากลอยรวมตัวกันในทะเลก่อนถูกพัดพามายังชายฝั่ง
การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
- ภาวะโลกร้อน: อุณหภูมิของน้ำทะเลที่สูงขึ้นส่งเสริมให้แมงกะพรุนบางชนิดขยายพันธุ์ได้ดีขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มจำนวนที่ผิดปกติ
- ยูโทรฟิเคชัน (Eutrophication): การเพิ่มสารอาหารในน้ำทะเล เช่น ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส จากน้ำเสียหรือการเกษตร ส่งผลให้แพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารหลักของแมงกะพรุน เจริญเติบโตมากขึ้น ทำให้ประชากรแมงกะพรุนเพิ่มจำนวนตามไปด้วย
- การประมงเกินขนาด: การลดลงของสัตว์ทะเลที่เป็นผู้ล่าหรือคู่แข่งของแมงกะพรุน เช่น ปลาและเต่า อาจทำให้แมงกะพรุนมีโอกาสรอดชีวิตและขยายพันธุ์มากขึ้น
- วงจรชีวิตของแมงกะพรุน: แมงกะพรุนบางชนิดอาจเกยตื้นหลังจากการสืบพันธุ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงจรชีวิต เมื่อถึงจุดหนึ่งของวงจร แมงกะพรุนอาจอ่อนแอและถูกพัดพาเข้าสู่ชายฝั่งได้ง่ายขึ้น
สาเหตุที่ทำให้แมงกะพรุนตายเกยหาด
- การขาดออกซิเจน: เมื่อแมงกะพรุนถูกคลื่นซัดขึ้นฝั่งและติดอยู่ในผืนทราย จะไม่สามารถเคลื่อนที่กลับสู่ทะเลได้ ทำให้ขาดออกซิเจนและตายในที่สุด
- ความเครียดจากสภาพแวดล้อม: การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ความเค็ม หรือการถูกคลื่นซัดอย่างรุนแรงอาจทำให้แมงกะพรุนอ่อนแอและเสียชีวิต
- พิษจากแมงกะพรุนชนิดอื่น: ในฝูงแมงกะพรุนที่เกยตื้นอาจมีแมงกะพรุนพิษ เช่น แมงกะพรุนไฟ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแมงกะพรุนชนิดอื่นในฝูงเดียวกัน
- วงจรชีวิตสิ้นสุด: แมงกะพรุนบางชนิดมีอายุขัยสั้น และอาจตายตามธรรมชาติหลังจากการสืบพันธุ์หรือเมื่อถึงวัยที่ร่างกายเสื่อมสภาพ
แม้ว่าภาพของฝูงแมงกะพรุนเกยตื้นจะสวยงามและน่าตื่นตา แต่ผู้เชี่ยวชาญและชาวประมงในพื้นที่เตือนว่าไม่ควรสัมผัสหรือเข้าใกล้ เนื่องจากแมงกะพรุนบางชนิด เช่น แมงกะพรุนไฟหรือแมงกะพรุนกล่อง อาจมีพิษร้ายแรงที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด คัน หรือในกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แนะนำให้สวมเสื้อผ้ามิดชิดเมื่อลงเล่นน้ำทะเล และหากสัมผัสแมงกะพรุนควรรีบปฐมพยาบาลด้วยการล้างด้วยน้ำทะเลและน้ำส้มสายชู
นอกจากนั้น ปรากฏการณ์ฝูงแมงกะพรุนนับหมื่นเกยตื้นที่หาดนภาธาราภิรมย์ จ.ระยอง ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศทะเลที่อาจเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์และภาวะโลกร้อน นักท่องเที่ยวควรตระหนักถึงความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแมงกะพรุนเพื่อป้องกันอันตราย ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราร่วมกันดูแลท้องทะเลและสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและลดผลกระทบที่อาจนำไปสู่ปรากฏการณ์ที่ผิดปกติในอนาคต