‘หินแห่งความหิว’ โผล่ริมแม่น้ำเตือนวิกฤตความอดอยากในยุโรป

หินแห่งความหิว (เยอรมันเรียกว่า Hungerstein) เป็นหมายหลักที่พบได้ทั่วไปในยุโรปตอนกลาง หินแห่งความหิวโหยทำหน้าที่เป็นอนุสรณ์และการเตือนความอดอยากและถูกสร้างขึ้นในเยอรมนีและในพื้นที่ที่มีการตั้งถิ่นฐานของชาวเยอรมันทั่วยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 15 ถึง 19

หินเหล่านี้จะถูกฝังลงในแม่น้ำในช่วงฤดูแล้งเพื่อทำเครื่องหมายระดับน้ำไว้คอยเตือนคนรุ่นต่อไปว่า พวกเขาจะต้องอดทนต่อความยากลำบาก หากน้ำกลับมาถึงระดับนี้อีกครั้ง ตัวอย่างหนึ่งที่มีชื่อเสียง คือหมายหลักในแม่น้ำเอลเบในเมืองเดชซิน สาธารณรัฐเช็ก มีข้อความหลายแบบ เช่น บอกว่า “Wenn du mich siehst, dann weine” (“ถ้าเจ้าเห็นข้า จงร้องไห้”) เพื่อเป็นการเตือนภัยแล้งและความอดอยาก

จารึกที่เก่าแก่ที่สุดที่อ่านได้ คือจากปี 1616 จารึกเก่ากว่า คือจากปี 141, 1473) ถูกขัดถูจนเลือนรางเมื่อเวลาผ่านไปโดยเรือที่ทอดสมอ หินยังมีข้อความว่า “สาวเจ้าอย่าร้องไห้และปริปากบ่นเมื่อแห้งให้พ่นน้ำในทุ่ง” ข้อความนี้น่าจะเกิดขึ้นในปี 1938 โดยผู้ผลิตปั๊มน้ำที่ชื่อ Frantisek Sigmund สุภาษิตนี้มีพื้นฐานมาจากคำโบราณว่า “Wenn du mich siehst, dann weine” (“ถ้าเจ้าเห็นข้า จงร้องไห้”)

หินเหล่านี้จำนวนมากถูกสร้างขึ้นหลังจากวิกฤตความหิวโหยในปี 1816–1817 อันเนื่องมาจากการปะทุของภูเขาไฟแทมโบรา จนเรียกกันว่า “ปีที่ไร้ฤดูร้อน” (Year Without a Summer) โดยความอดอยากแพร่หลายในไอร์แลนด์เหนือและตะวันตกเฉียงใต้ หลังจากความล้มเหลวของการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต และมันฝรั่ง ในเยอรมนี วิกฤตการณ์นั้นรุนแรงมาก ราคาอาหารเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วยุโรป

แต่ไม่ใช่แค่หินเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นมาในช่วงศตวรรษก่อนๆ เท่านั้น มันยังถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 20 หรือแม้แต่ศตวรรษที่ 21 ด้วย ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 หรือช่วงที่คนอายุ 60 – 30 เกิดแล้วในปัจจุบัน มีหินแห่งความหิวถูกสร้างขึ้นประมาณ 6 แห่ง หลังจากศตวรรษที่ 21 หรือตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมามากถึง 18 แห่ง

ภาพ: Hungerstein ในแม่น้ำเอลเบในเมืองเดชซิน ถ่ายโดย Norbert Kaiser เผยแพร่ใน wikipedia.org

Related posts

กรรมการชาติเห็นชอบร่างพรบ.โลกร้อน เดินหน้าสู่เศรษกิจคาร์บอนต่ำ

ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ‘หอฟอกอากาศระดับเมือง’ คืนชีวิตให้คนกรุง อย่างไร

ชุบชีวิต ‘ขยะทะเล’ เพิ่มมูลค่า ชุมชนยั่งยืน ลดโลกร้อน