ซ่อม ‘โพรงรัง’ หวังเพิ่มประชากร นกเงือกป่าฮาลา–บาลา

โดย – สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ในเดือนมีนาคมถึงเมษายนของทุกปีถือเป็นช่วงเวลาที่นกเงือกเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ โดยนกเงือกเริ่มจับคู่และเสาะหาโพรงรังที่เหมาะสมเพื่อให้ตัวเมียออกไข่-ฟักไข่ ทว่าแม้ในป่าฮาลา–บาลา อ.แว้ง จ.นราธิวาส ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก สัตว์โบราณอย่างนกเงือกยังต้องเผชิญภาวะ ‘การขาดแคลนโพรงรัง’ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำนวนประชากรนกเงือกลดลง

“โพรงรังที่มีสภาพเหมาะสมคือปัจจัยสำคัญต่อการขยายพันธุ์ของนกเงือกตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันโพรงรังของนกเงือกเริ่มมีความขาดแคลน ปัญหาคือนกเงือกไม่สามารถเจาะโพรงสร้างรังเองได้เหมือนกับนกทั่วไปโดยต้องหาโพรงรังที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น โพรงไม้ที่เกิดจากการเจาะของนกหัวขวาน รอยแผลบนต้นไม้ที่เกิดจากหมีล้วงเอาน้ำผึ้ง หรือรอยจากการที่กิ่งไม้หักจนทำให้เกิดแผลและมีขนาดกว้างพอที่นกเงือกจะเข้าไปอยู่อาศัยได้” สุเนตร การพันธ์ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าป่าพรุ – ป่าฮาลา บาลา ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและความสำคัญของการซ่อมโพรงรัง เพื่อเอื้อต่อการเข้าอยู่อาศัยและการเพิ่มประชากรนกเงือก

ด้วยป่าฮาลา-บาลา เป็นป่าดิบชื้น ต้นไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้โตเร็วและโทรมได้ง่าย ต้นไม้บางต้นเมื่อไม้ขยายตัวก็ทำให้ปากโพรงแคบลง บางโพรงพื้นในโพรงเริ่มทรุด เมื่อโพรงรังเดิมใช้งานไม่ได้ นกเงือกต้องออกหาโพรงรังใหม่ ขณะที่นกเงือกเกิดใหม่ต้องพยายามหาโพรงรังเช่นเดียวกัน ทำให้ทุกวันนี้กว่านกเงือกจะได้โพรงรังอาจต้องต่อสู้กับนกเงือกคู่อื่น และเมื่อไม่มีโพรงรังจะเป็นข้อจำกัดต่อการขยายพันธุ์นกเงือกตามธรรมชาติ

เพื่อปรับปรุงซ่อมรังเดิมให้กลับมาเป็นที่อยู่ของนกเงือก สุเนตร การพันธ์ และเจ้าหน้าที่สถานีวิจัยสัตว์ป่าป่าพรุ – ป่าฮาลา บาลา, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา–บาลา โครงการสำรวจและรวบรวมพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับป่า ภาคใต้ และชาวบ้านหมู่บ้านบาลา ตำบลโละจูด อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส จึงได้ร่วมกันจัดทำ ‘โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงโพรงรังเพื่อการสร้างโอกาสในการเพิ่มจำนวนของนกเงือกในพื้นที่ป่าบาลา’ ภายใต้การสนับสนุนของ สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ชนันรัตน์ นวลแก้ว นักวิชาการป่าไม้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่โครงการฯ บอกว่า โครงการฯ ดำเนินงานมา 2 ปีแล้ว ซึ่งได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าอยู่เป็นประจำมาช่วยในการสำรวจโพรงรังนกเงือก โดยโครงการฯ ได้จัดฝึกอบรมชาวบ้านเกี่ยวกับนกเงือก วิธีการดูโพรงนกเงือก รวมถึงวิธีการซ่อมแซมโพรงรัง โดยได้รับความร่วมมือจากโครงการศึกษานิเวศวิทยาของนกเงือก ซึ่งในการอบรมครั้งแรกมีชาวบ้านเข้าร่วม 20 คน

จากนั้นจะสลับมาอยู่ประจำกับเจ้าหน้าที่ 5-6 คน เพื่อช่วยสำรวจและซ่อมแซมโพรงรัง ในการสำรวจเมื่อเจอโพรงจะเฝ้าสังเกตว่าเป็นโพรงที่มีนกเงือกหรือไม่ หากมีจะดูว่าเป็นนกเงือกชนิดใด และนกเงือกป้อนอาหารชนิดใดให้กับลูกเพื่อเก็บข้อมูล แต่สำหรับโพรงร้างจะปีนขึ้นไปสำรวจว่าโพรงมีปัญหาอะไร เช่น โพรงกว้างไป แคบไป หรือพื้นโพรงทรุด เพื่อเตรียมแผนในการซ่อมปรับปรุง

ทั้งนี้ จากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านในการหาโพรงรังธรรมชาติที่เหมาะสมกับนกเงือก ทำให้สามารถพบโพรงรังมากถึง 29 โพรง จากเดิมที่สำรวจพบเพียง 9 โพรง โดยในจำนวนนี้มีโพรงที่นกเงือกทำรังจำนวน 10 โพรง แบ่งเป็นนกเงือกหัวแรด 6 โพรง นกเงือกกรามช้าง 3 โพรง และนกเงือกปากดำ 1 โพรง

สุเนตร เล่าเสริมว่า สำหรับการซ่อมโพรงรังแต่ละครั้งต้องใช้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านเกือบ 20 คน เพราะต้องช่วยกันขนอุปกรณ์รวมเกือบ 100 กิโลกรัม เข้าป่าเพื่อการปีนชักรอก เนื่องจากโพรงรังนกเงือกส่วนใหญ่อยู่บนต้นไม้สูง บางโพรงอยู่สูงถึง 40 เมตร ต้องชักรอกตัวเองให้ไต่ต้นไม้ขึ้นไปถึงโพรงรัง

สำหรับการซ่อมโพรงรังจะยึดข้อมูลจากมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือกเป็นหลัก ว่ามาตรฐานโพรงรังของนกเงือกแต่ละชนิดต้องมีความกว้าง ความยาว ความหนาของโพรงเท่าไหร่ สมมติว่าเป็นนกเงือกตัวใหญ่ ปากโพรงอาจจะกว้าง 13 เซนติเมตร สูง 30 เซนติเมตร

ถ้าโพรงไหนที่ความกว้างน้อย เราก็พยายามเจาะปากโพรงให้กว้างขึ้น แต่ถ้าโพรงกว้างเกินไปก็พยายามเอาไม้กระดานมาปิดให้เหลือ 10-13 เซนติเมตร หรือถ้าโพรงทรุดก็เทดินเสริม อันนี้คือตัวอย่าง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ก่อนว่าโพรงรังนี้ เจ้าของเดิมเป็นนกเงือกชนิดไหน เพื่อซ่อมแซมรังให้ได้ตามมาตรฐานของนกเงือกชนิดนั้น

ปัจจุบันโครงการฯ ได้ทำการซ่อมแซมโพรงรังของนกเงือกไปทั้งหมด 10 โพรงรัง และมีนกเงือกเข้าใช้ประโยชน์จากโพรงที่ซ่อมแล้ว 2 โพรง คือโพรงนกเงือกหัวแรด 1 โพรง และโพรงนกเงือกปากดำ 1 โพรง

ชนันรัตน์ กล่าวว่า เมื่อได้เห็นนกเงือกเข้าใช้งานในโพรงที่ช่วยกันซ่อมแซม ชาวบ้านต่างดีใจว่านกเงือกได้ใช้ประโยชน์แล้ว ถ้าโพรงที่พวกเราทยอยซ่อมไปเรื่อยๆ แล้วนกเงือกได้เข้าใช้ทำรัง ก็หวังว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนประชากรนกเงือกในพื้นที่ป่าฮาลาบาลาได้เพิ่มขึ้น

ในอนาคตจะมีการเก็บข้อมูลการป้อนอาหารของนกเงือกในฤดูทำรัง การให้ผลผลิตของพืชอาหารที่มีฤดูกาลเปลี่ยนไปเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ในพื้นที่ การเก็บข้อมูลชีววิทยาของนกเงือก และข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่จะเป็นตัวชี้วัดข้อมูลของนกเงือกและพื้นที่ป่าบาลาเองได้ด้วย เป็นประโยชน์ในการจัดการพื้นที่ต่อไป

อย่างไรก็ดี โครงการซ่อมแซมและปรับปรุงโพรงรังเพื่อการสร้างโอกาสในการเพิ่มจำนวนของนกเงือกในพื้นที่ป่าบาลา ไม่เพียงช่วยอนุรักษ์นกเงือก สัตว์ผู้มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศป่าอย่างมาก ในฐานะ “ผู้ปลูกป่า” แห่งฮาลา-บาลา

แต่การมีโครงการฯ ให้ชาวบ้านได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์นกเงือก ทำให้ชาวบ้านมีความรู้และมีความชำนาญในการซ่อมแซมปรับปรุงโพรงรังเพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงโพรงรังเป็นประจำทุกเดือน ทำให้ชาวบ้านรู้สึกมีส่วนร่วมในการช่วยเพิ่มโอกาสการขยายพันธุ์ของประชากรนกเงือก และยังรู้สึกหวงแหนและอยากดูแลให้นกเงือกยังคงอยู่ในพื้นที่ป่าบาลาต่อไป

Related posts

มหาอำนาจโลกในมือ ‘ทรัมป์’ จุดจบการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ?

โลกจมกองพลาสติก ต้องเปลี่ยนวิธีผลิต ลดการบริโภค กำจัดอย่างยั่งยืน

อุณหภูมิทะลุ 3.1°C แผนลดก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 เป็นเรื่องเพ้อฝัน