คลื่นความร้อนที่ถาโถมจีน ยุโรป และสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคมนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากปราศจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์
กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจาก World Weather Attribution ได้ประเมินบทบาทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว พบว่า ‘หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์’ เหตุการณ์ในเดือนกรกฎาคมคงจะ เกิดขึ้นน้อยมาก
อิซิดีน ปินโต จากสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งเนเธอร์แลนด์ หนึ่งในผู้ศึกษากล่าวในแถลงการณ์ว่า “อุณหภูมิในยุโรปและอเมริกาเหนือแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยหากไม่มีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
อุณหภูมิที่สูงทุบสถิติของสหรัฐอเมริกาและยุโรปตอนใต้เป็นเรื่องที่ ‘แทบจะเป็นไปไม่ได้’ หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพิ่มโอกาสเกิดคลื่นความร้อนรุนแรงสูงถึง 50 เท่า
เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตที่ผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศต่อ ต่อความเป็นไปได้และความรุนแรงของคลื่นความร้อนในเดือนกรกฎาคม ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ WWA ได้ตรวจสอบข้อมูลสภาพอากาศและแบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อเปรียบเทียบสภาพอากาศยุคปัจจุบันและยุคก่อนอุตสาหกรรม ซึ่งยุคปัจจุบันอุณภูมิสูงกว่าประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส
โดยทีมนักวิทยาศาสตร์พบว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีบทบาทอย่างยิ่งต่อสภาพอากาศในปัจจุบันอย่างแน่นอน”
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่เพียงกระตุ้นให้คลื่นความร้อนรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำให้อุณหภูมิความร้อนสูงขึ้นอีกด้วย
รายงานระบุเพิ่มว่าคลื่นความร้อนในยุโรปทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น 2.5 องศาเซลเซียส อเมริกาเหนือร้อนขึ้น 2 องศาเซลเซียส และจีนร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส
แย่กว่านั้นคือหากอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรม 2 องศาเซลเซียส โอกาสในการเกิดคลื่นความร้อนเหมือนเดือนกรกฎาคมนี้จะเกิดขึ้นได้อีกทุกๆ 2-5 ปี
การศึกษายังพิจารณาถึงบทบาทของเอลนีโญ โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเอลนีโญอาจมีส่วนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นในบางภูมิภาค แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังคงเป็นปัจจัยหลัก
“เหตุการณ์ที่เราพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากในสภาพอากาศปัจจุบัน” ฟรีเดอริเก ออตโต นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันแกรนแธมเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลอนดอนกล่าวในบทสรุปของรายงาน
ออตโตกล่าวเสริมว่ารายงานชิ้นนี้ไม่ใช่หลักฐาน ‘การล่มสลายของสภาพอากาศ’ เพียงชี้ให้เห็นว่าหากมนุษย์ไม่ทำให้โลกร้อนขึ้นด้วยการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ คลื่นความร้อนรุนแรงแบบนี้คงเกิดขึ้นขึ้นได้น้อยมาก แต่ตราบใดที่เรายังเผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ปรากฎการณ์สุดโต่งเหล่านี้ก็จะเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา
- Jul 25, 2023. Climate change role in July heatwaves ‘overwhelming’, scientists say. Reuters
- Jul 25, 2023. Heat waves in US and Europe would have been ‘virtually impossible’ without climate change, new report finds. CNN
- Jul 25, 2023. Europe and US heatwaves near ‘impossible’ without climate change. BBC