ตัวเลข GDP ที่โต ช่วยคนรวยแค่หยิบมือ แลกการทำลายทรัพยากร

การยุติความยากจนและหายนะทางสิ่งแวดล้อม ต้องการแนวคิดใหม่ๆ เพราะตัวเลข GDP ที่เป็นอยู่ช่วยคนรวยแค่ส่วนน้อยให้ร่ำรวยขึ้น แต่คนยากจนยังล้นโลก

การแสวงหาการเติบโต (ทางเศรษฐกิจ) อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการนี้ กำลังผลักดันโลกเข้าสู่ภาวะเกินขีดจำกัด โดยเฉพาะด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งที่ผ่านมาสุขภาพของโลกเราถูกสังเวยไปเพื่อแลกผลประโยชน์ทางวัตถุที่ไม่เป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง

การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ทุกคน นี่คือมายาคติที่ถูกชี้นำโดยนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ และแม้แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนส่วนใหญ่ – ทว่าในความเป็นจริงมันคือ ภาพลวงตา

นั่นเพราะ – ในรายงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในเดือนนี้ แสดงให้เห็นว่า คำสัญญาที่จะขจัดความยากจนนั้นเป็นการ “หยดลง” หรือ “การกระจาย” ความมั่งคั่ง แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่กลับพุ่งไปตกใส่มืออภิสิทธิ์ชนคนส่วนน้อย

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ผู้ชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 5 คน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ขณะที่คนอีกเกือบ 5,000 ล้านคน กลับยากจนลง หากแนวโน้มในปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ภายในปี 2030 จะมีผู้คน 575 ล้านคน ยังคงติดอยู่ในความยากจนอย่างสุดขีด ซึ่งเป็นปีเป้าหมายที่รัฐบาลทั่วโลกตั้งไว้เพื่อขจัดความยากจน โดยขณะนี้มีประชากรมากกว่า 4,000 ล้านคน ที่ไม่ได้รับการคุ้มครองทางสังคมใดๆ เลย

ผู้คนนับ 100 ล้านคน กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในโลกที่ไม่เคยมีความมั่งคั่งมากเท่านี้มาก่อน หลายคนถูกผลักดันจนหมดแรงในงานที่ได้รับค่าจ้างต่ำและมักเป็นงานอันตรายเพื่อตอบสนองความต้องการของชนชั้นสูงและเพื่อเพิ่มผลกำไรของบริษัท ในประเทศที่มีรายได้น้อยยังคงต้องการการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติมักเป็นการขูดรีด โดยอาศัยการเอารัดเอาเปรียบแรงงานราคาถูกและการปล้นสะดมทรัพยากรธรรมชาติ

การแสวงหาการเติบโต (ทางเศรษฐกิจ) อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการนี้ กำลังผลักดันโลกเข้าสู่ภาวะเกินขีดจำกัด โดยเฉพาะด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งที่ผ่านมาสุขภาพของโลกเราถูกสังเวยไปเพื่อแลกผลประโยชน์ทางวัตถุที่ไม่เป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง

เศรษฐกิจของโลกกำลังล้มเหลว เราจำเป็นต้องมองไปไกลกว่าผลกำไร ไกลกว่าระยะสั้น และไกลกว่าผลประโยชน์ของคนส่วนน้อย

เศรษฐกิจที่ยึดตามหลักสิทธิมนุษยชนสามารถส่งมอบผลประโยชน์ให้กับผู้คนและโลกได้ เพราะมันสร้างการเติบโตไปสู่มนุษยชาติ โดยตั้งจุดมุ่งหมายให้ “สิทธิมนุษยชน” เป็นราวกั้น เพื่อรักษาเส้นทางของเศรษฐกิจในการเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ แก้ไขความไม่เท่าเทียม และขจัดความยากจน

ข้อเสนอนี้ไม่ใช่นิทาน บันไดขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมสามารถเริ่มต้นได้ โดยเริ่มจากการเลือก “ตัวชี้วัด” ความก้าวหน้าอื่นที่ไม่ใช่ “ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ” หรือ GDP ซึ่งไม่ได้บอกอะไรเลยเกี่ยวกับผลกระทบทางนิเวศวิทยาหรือสังคมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

เราจำเป็นต้องเริ่มให้คุณค่ากับตัวชี้วัดใหม่จริงๆ เพราะ GDP ไม่มีทางที่จะนับรวมเวลาประมาณ 16,400 ล้านชั่วโมงที่ใช้ไปกับงานที่ไม่ได้รับค่าจ้างทั่วโลกซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่ทำโดยผู้หญิงที่เป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจโลก อย่างการดูแลเด็ก ผู้พิการ และผู้สูงอายุ

งานบ้านและความรับผิดชอบที่ไม่ได้รับค่าจ้างจึงควรได้รับค่าตอบแทน รวมถึงได้สิทธิ์ในการเข้าถึงบริการอื่นๆ ที่จำเป็น

คนส่วนใหญ่ถูกชักนำให้เชื่อว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจเท่ากับความก้าวหน้าของมนุษย์ ทว่า กลับมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อต้านการขับเคลื่อนรูปแบบเศรษฐกิจเดิมๆ ที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจากนักเคลื่อนไหวด้านสภาพภูมิอากาศ คนงานและสหภาพแรงงาน นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการ คนหนุ่มสาว นักปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน ชนพื้นเมือง นักเศรษฐศาสตร์ที่มีแนวคิดก้าวหน้า และนักเคลื่อนไหวที่ต่อสู้กับความไม่เท่าเทียม ความเหลื่อมล้ำทางเพศ และลัทธิล่าอาณานิคม เพราะมันเป็นเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม ถ่างความเหลื่อมล้ำ และสร้างความมั่งคั่งให้คนแค่หยิบมือ

ในขณะที่ผู้นำโลกเตรียมรวมตัวกันสำหรับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly-UNGA) สมัยที่ 79 ซึ่งจะเริ่มสมัยประชุมในเดือน ก.ย. 2567 มีเป้าหมายเพื่อสร้างฉันทามติระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของเราทุกคนว่าควรเป็นอย่างไร ซึ่งประชุมกันมา 78 ครั้งแล้ว หากยังคงแนวทางการขับเคลื่อนโลกในรูปแบบเดิมๆ ต่อไป นั่นอาจสรุปได้ว่า มันคือหนทางสู่การสูญพันธุ์ของมนุษยชาติ

หมายเหตุ – บทความนี้เขียนโดย Olivier De Schutter ซึ่งเป็นผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยความยากจนขั้นรุนแรงและสิทธิมนุษยชน โดย igreenstory ได้นำมาเรียบเรียงขึ้นใหม่

ที่มา: Obsession with growth is enriching elites and killing the planet. We need an economy based on human rights, Olivier De Schutter

 

 

Related posts

เมืองทั่วโลกเร่งปรับตัว รับมือคลื่นความร้อนดันอุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น

สรุป 10 ปัจจัยน้ำท่วมเชียงราย ไม่มีระบบบริหารจัดการน้ำระดับชาติ

โลกป่วนภูมิอากาศเปลี่ยน คุมอุณหภูมิไม่อยู่ Flexitarian ช่วยกอบกู้โลก