ในปี พ.ศ. 2562 เป็นปีที่มีการเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่คึกคักที่สุดปีหนึ่ง ทว่า รายงานแต่ละชิ้นไม่ได้ทำให้วงการวิทยาศาสตร์คึกคักไปด้วย เพราะทุกฉบับเตือนเราว่าสถานการณ์กำลังน่าเป็นห่วง โลกร้อนกำลังทำลายองค์ประกอบทุกอย่างของโลก ไม่เฉพาะแค่สภาพอากาศ แต่ยังรวมถึง ดิน ทะเล และไฟป่าที่เกิดถี่ขึ้น และเมื่อองค์ประกอบเหล่านี้เสื่อมถอยลง มนุษย์จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ• ดิน
รายงานพิเศษเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและดิน (Special Report on Climate Change and Land) ซึ่งจัดทำขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญ 107 คนจาก 52 ประเทศ ที่ได้นำเสนอเกี่ยวกับแผ่นดินและภูมิอากาศทั้งระบบเป็นครั้งแรก เผยแพร่สู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562
ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานฉบับนี้ เช่น
• นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ก๊าซมีเทนที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลกประมาณ 66% เป็นผลมาจากภาคเกษตร และประมาณ 33% ของการปล่อยก๊าซมีเทนทั่วโลกมาจากปศุสัตว์ (1)
• หากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปเน้นการบริโภคอาหารจากพืชมากขึ้น โดยมีโปรตีนจากปศุสัตว์ เช่น วัว ควาย แกะ และแพะ น้อยลงจะช่วยให้การปล่อยก๊าซมีเทนลดน้อยลงไปด้วย (2)
• ผู้จัดทำรายงานเสนอไม่ให้เปลี่ยนที่ดินสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเกษตร และการผลิตพลังงานชีวภาพ ไปใช้เพื่อการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล และยังแนะนำประเทศต่าง ๆ จำกัดจำนวนที่ดินที่จะใช้สำหรับปลูกพืชพลังงานชีวภาพ และแนะนำให้ปลูกป่าทดแทน (2)
• การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรุนแรง, อุณหภูมิที่สูงขึ้น และฝนไม่เพียงพอหรือมากเกินไป ทำให้เกิดความไม่มั่นคงด้านอาหารมากขึ้น เช่น พื้นที่สูงสามารถผลิตพืชอาหาร เช่น ข้าวโพดและข้าวสาลีได้มากขึ้น ส่วนพื้นที่ต่ำกว่า ผลิตอาหารได้น้อยลง (3)
• เราสามารถสรุปได้ว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นเร่งอัตราการสูญเสียดินและความเสื่อมโทรมของดิน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง (4)
• น้ำ
รายงานพิเศษเกี่ยวกับมหาสมุทรและส่วนของโลกที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ในสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง (Special Report on the Ocean and Cryosphere in a Changing Climate) ได้รับการอนุมัติโดยที่ประชุม ครั้งที่ 51 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2562
รายงานฉบับนี้มีจำนวนถึง 1,300 หน้า เรียบเรียงโดยทีมงาน 104 คน จาก 36 ประเทศ ว่าด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พืดน้ำแข็ง (Ice sheet) และธารน้ำแข็ง (Glacier) ทั่วโลกละลาย ส่งผลต่อระดับน้ำในมหาสมุทร
เนื้อหาโดยสรุปของรายงาน ระบุว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 มหาสมุทรเริ่มอุ่นขึ้นและอุณหภูมิไม่ได้ลดลง ทั้งยังดูดซับความร้อนส่วนเกินมากกว่า 90% จากระบบภูมิอากาศ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 มหาสมุทรอุ่นขึ้นเป็นสองเท่า และคลื่นความร้อนในทะเลกำลังทวีความรุนแรง โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 เกิดขึ้นถี่เป็นสองเท่าจากก่อนหน้านี้
ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานนี้ เช่น
• ระดับน้ำทะเลเฉลี่ยโลก (GMSL) เพิ่มขึ้น 3.66 มม. ต่อปี ซึ่งเร็วกว่าอัตราระหว่างปี พ.ศ. 2444 – 2534 ถึง 2.5 เท่า หากเพิ่มขึ้นในอัตรานี้ระดับน้ำจะเพิ่มประมาณ 30 – 60 ซม. เมื่อถึงปี พ.ศ. 2643 ถึงแม้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลงอย่างรวดเร็ว และอุณหภูมิถูกจำกัดไว้ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสก็ตาม ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้น 2 เมตรในปี พ.ศ. 2643 ถ้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (5)
• การละลายของแผ่นน้ำแข็งของเกาะกรีนแลนด์รุนแรงในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงอย่างน้อย 350 ปีที่ผ่านมา และในเวลานี้การละลายของแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์กติกและกรีนแลนด์รวมกัน มีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มขึ้นในสัดส่วนมากกว่า 700% (6)
• ถ้าภาวะโลกร้อนยังคงเพิ่มขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส ก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม มหาสมุทรอาร์กติกในช่วงปลายฤดูร้อน คือเดือนกันยายนอาจเกิดปรากฏการณ์ไม่มีน้ำแข็งยาวนานถึง 1 ปี ในทุก ๆ 3 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายปีเท่านั้น (6)
• พื้นที่ต่ำริมชายฝั่งและเกาะต่าง ๆ รวมถึงมหานครใหญ่ ๆ ของโลก จะได้รับผลกระทบร้ายแรงจากการละลายของน้ำแข็ง หากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงอยู่ในระดับสูง เกาะที่อยู่ในระดับต่ำบางแห่งจะไม่จะสามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไปภายในสิ้นศตวรรษที่ 21 (6)
• ไฟ
นอกเหนือจากรายงานของ IPCC แล้วยังมีงานวิจัยอื่น ๆ ที่ออกมาหลังจากนั้นและให้แง่มุมที่แตกต่างเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน เช่น การศึกษาโดยคณะนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ในสหรัฐ พบว่าไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะทำให้ภัยพิบัติไฟป่าในอนาคตยิ่งแย่ลง โดยเผยแพร่งานวิจัยนี้ในวารสาร Environmental Research Letters
ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานนี้ เช่น
• จากการศึกษาชั้นตะกอนดินในทะเลสาบสวอมพ์ ในอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี พบความเกี่ยวข้องกับแนวโน้มสภาพภูมิอากาศ โดยช่วงเวลาที่อบอุ่นมีความสัมพันธ์กับช่วงเวลาของการเกิดไฟป่าเพิ่มขึ้น ไฟป่าเกิดขึ้นมากที่สุดในช่วงยุคกลางที่สภาพอากาศผิดปกติ (Medieval Climate Anomaly) อันเป็นช่วงเวลาของความร้อนที่ผิดปกติและภัยแล้งยาวนานระหว่างปี พ.ศ. 1496 – 1793 ดังนั้นงานวิจัยนี้บ่งชี้ว่ายิ่งโลกร้อนขึ้น ไฟป่าจะยิ่งเกิดถี่มากขึ้น (7)
• มนุษย์
ดัชนีความหิวโหยทั่วโลกประจำปี พ.ศ. 2562 (Global Hunger Index Report 2019) ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอุปสรรคต่อการลดความหิวโหยทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ต้องพึ่งพาปริมาณน้ำฝนในการเพาะปลูกอาหาร และพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเพียงเล็กน้อย
ข้อมูลที่น่าสนใจจากรายงานนี้ เช่น
• การผลิตอาหารมีแนวโน้มที่จะลดลงตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น เกิดการขาดแคลนน้ำ ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศที่สูงขึ้น และภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น เช่น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และน้ำท่วม ในเวลานี้ผลผลิตของพืชอาหารหลัก เช่น ข้าวโพดและข้าวสาลีก็ลดลง เนื่องจากการระบาดของโรคพืชและแหล่งน้ำที่ลดลงอย่างรุนแรง (8)
• ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ ได้แก่ ภัยแล้ง น้ำท่วม และพายุ คิดเป็น 80% ของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก ในช่วงปี พ.ศ. 2554-2559 ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ของโลกได้รับผลกระทบจากภัยแล้งที่รุนแรง ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นคงด้านอาหารในระดับวิกฤต กระทบต่อผู้คน 124 ล้านคนใน 51 ประเทศ (8)
• การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงด้านอาหาร โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่มีระดับต่ำและในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ไม่เพียงแต่มีประชากรจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยง แต่ยังเป็นพื้นที่ที่มีผลผลิตอาหารที่สูง เช่น สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% ของการผลิตข้าวทั่วประเทศของเวียดนาม การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตใด ๆ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงด้านอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ (8)
อ้างอิง
- IPCC (Report). Special Report on climate change, desertification, land degradation, sustainable land management, food security, and greenhouse gas fluxes in terrestrial ecosystems (SRCCL). April 27, 2019. p. 186.
https://www.ipcc.ch/site/assets/uploads/2019/08/2c.-Chapter-2_FINAL.pdf
- Harrabin, Roger (August 8, 2019). “Plant-based diet can fight climate change – UN”. BBC News. Retrieved August 8, 2019.
https://www.bbc.com/news/science-environment-49238749
- Dunne, Daisy; Gabbatiss, Josh; McSweeney, Robert (August 8, 2019). “In-depth Q&A: The IPCC’s special report on climate change and land”. Retrieved August 10, 2019.
In-depth Q&A: The IPCC’s special report on climate change and land
- Flavelle, Christopher (August 8, 2019). “Climate Change Threatens the World’s Food Supply, United Nations Warns”. The New York Times. Retrieved August 9, 2019.
- “Press Release” (PDF). IPCC (Press release). Special Report on the Ocean and Cryosphere in a Changing Climate (SROCC). September 25, 2019.
https://www.ipcc.ch/site/assets/uploads/sites/3/2019/09/SROCC_PressRelease_EN.pdf
- “In-depth Q&A: The IPCC’s special report on the ocean and cryosphere”. Carbon Brief. September 25, 2019. Retrieved September 25, 2019.
In-depth Q&A: The IPCC’s special report on the ocean and cryosphere
- Brown University. “Study of past California wildfire activity suggest climate change will worsen future fires.” ScienceDaily. ScienceDaily, 8 October 2019.
https://www.sciencedaily.com/releases/2019/10/191008104659.htm
- Rupa, Mukerji (October 2019). “Climate Change and Hunger”. Global Hunger Index Report 2019. Retrieved October 18, 2019.
https://www.globalhungerindex.org/issues-in-focus/2019.html