‘ลากไส้หมูเถื่อน’ ทลายโกดังลอบเก็บ มูลค่ากว่า 10 ล้าน เสี่ยงสารเคมี

by Pom Pom

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกรมปศุสัตว์ เปิดปฏิบัติการ “ลากไส้หมูเถื่อน” ทลายโกดังลักลอบเก็บไส้หมูเถื่อนจากจีน กลางเมืองสมุทรสาคร มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือสารเคมี

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการ บก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รองผู้บังคับการ บก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ และ พ.ต.ท.ชวพล เชื้อเพ็ชร์ รองผู้กำกับการ 2 บก.ปอศ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ปอศ. นำโดย พ.ต.ต.นพคุณ ทัศนมาลัย สารวัตร กก.2 บก.ปอศ. และเจ้าพนักงานจากกรมปศุสัตว์ ดำเนินการตรวจค้นโกดังไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 340 หมู่ 2 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรสาคร เลขที่ ค.152/2568 ลงวันที่ 22 เมษายน 2568

การตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. สืบทราบว่า โกดังดังกล่าวมีการลักลอบนำเข้า ไส้หมูหมักเกลือ จากประเทศจีน ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามตามกฎหมาย เนื่องจากประเทศไทยได้สั่งห้ามนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมูตั้งแต่ปี 2562 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ โรคอหิวาต์แอฟริกาในหมู (African Swine Fever – ASF) ซึ่งพบการระบาดในหลายประเทศ เช่น จีน เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน โรคนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์ แต่ยังกระทบต่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของประชาชน เนื่องจากไส้หมูหมักเกลือเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอกอีสาน ไส้อั่ว ไส้กรอกเยอรมัน และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูง

จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่า โกดังแห่งนี้ไม่เพียงแต่ใช้เป็นสถานที่เก็บไส้หมูเถื่อน แต่ยังมีการจำหน่ายผ่านช่องทาง โซเชียลมีเดีย และส่งต่อไปยังโรงงานหรือบุคคลต่างๆ เพื่อใช้ในการผลิตไส้กรอก สินค้าเหล่านี้ถูกนำเข้ามาโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ไม่เสียภาษีอย่างถูกต้อง และอาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในประเทศไทย แต่ยังกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของชาติ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายศาลเข้าตรวจค้น

CIB เปิดปฏิบัติการ “ลากไส้หมูเถื่อน”

การตรวจค้นและผลการตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ. ร่วมกับเจ้าพนักงานกรมปศุสัตว์ นำหมายค้นเข้าตรวจสอบโกดังเป้าหมาย พบว่าโกดังอยู่ในสภาพทรุดโทรม มีความสกปรกสูง เต็มไปด้วยฝุ่น เศษใบไม้ และขยะ ภายในโกดังพบ ถังพลาสติก และ ถุงกระสอบปุ๋ยยูเรีย วางกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งพบ ซากไส้สัตว์ วางทิ้งไว้บนโต๊ะที่ใช้ในการผลิต ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ซึ่งบ่งชี้ถึงสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะและอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค

ในระหว่างการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ไม่พบผู้ใดแสดงตนเป็นผู้ดูแลหรือผู้เช่าโกดัง ต่อมาได้ติดตามข้อมูลจนทราบว่า น.ส.ชวดล เป็นเจ้าของและผู้ให้เช่าโกดังดังกล่าว โดยน.ส.ชวดลได้มาแสดงตนและนำเจ้าหน้าที่ตรวจค้น จากการตรวจสอบภายในโกดัง พบ ไส้หมูหมักเกลือ บรรจุอยู่ในถุงกระสอบภายในถังพลาสติก จำนวน 514 ถัง โดยแต่ละถังมีน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท สินค้าเหล่านี้มีฉลากภาษาต่างประเทศระบุว่า “Natural Hog Casing” ซึ่งแปลว่าไส้หมูธรรมชาติ และพบถุงกระสอบยูเรียจาก เวียดนาม (ระบุว่า “MADE IN VIETNAM”) ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาอาหารและอาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือสารเคมี

น.ส.ชวดลให้การว่า สินค้าทั้งหมดเป็นของ นายเฉิน (Mr. Chen) ชาวจีน ซึ่งเป็นผู้เช่าโกดัง โดยแจ้งว่าเช่าเพื่อใช้เก็บและแปรรูปอาหาร เช่น ไส้สัตว์หมักเกลือ เพื่อเตรียมส่งต่อไปยังร้านอาหารหรือโรงงานผลิตอาหารที่ใช้ไส้หมูเป็นวัตถุดิบ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการยึดของกลางทั้งหมด พร้อมเก็บตัวอย่างไส้หมูเพื่อส่งตรวจวิเคราะห์หาชนิดของสัตว์และเชื้อโรคระบาด เช่น ASF เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป

CIB เปิดปฏิบัติการลากไส้หมูเถื่อน

ความสำคัญของปฏิบัติการนี้

การลักลอบนำเข้าไส้หมูและผลิตภัณฑ์จากหมูโดยไม่ผ่านการตรวจสอบตามกฎหมาย ไม่เพียงแต่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากรและพิธีการศุลกากร ซึ่งทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้บริโภค เนื่องจากสินค้าเหล่านี้อาจมีการปนเปื้อนเชื้อโรคที่เป็นอันตราย เช่น ASF ซึ่งอาจแพร่ระบาดในหมูและทำลายอุตสาหกรรมปศุสัตว์ของไทยได้ นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูในประเทศ เนื่องจากสินค้าเถื่อนเหล่านี้มีราคาถูกกว่า ทำให้เสียเปรียบในตลาดและอาจนำไปสู่ความเสียหายในวงกว้างต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงทางอาหารของชาติ

เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) และกรมปศุสัตว์ จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ และประมวลกฎหมายรัษฎากร โดยจะมีการสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามตัว นายเฉิน และผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อนนี้ต่อไป

นอกจากนี้ ตำรวจสอบสวนกลางยังคงเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษีและสินค้าต้องห้าม รวมถึงดำเนินการกับผู้ประกอบการที่หลีกเลี่ยงภาษีอากร ซึ่งสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของชาติอย่างต่อเนื่อง

Copyright @2021 – All Right Reserved.