จาก ‘หมูแพง’ สู่ ‘หมูเถื่อน’ มลพิษสิ่งแวดล้อมและภัยต่อสังคม

จาก “หมูแพง” สู่ “หมูเถื่อน” มลพิษสิ่งแวดล้อม และภัยต่อสังคม ที่ถูกมองข้าม ล่าสุด กรมปศุสัตว์บุกตรวจห้องเย็น พบซากสุกรไม่มีแหล่งที่มา กว่า 500 กิโลกรัม สั่งอายัดทันที

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับปัญหา “หมูแพง” อันเนื่องมาจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) การลดลงของปริมาณหมูในระบบ และต้นทุนการเลี้ยงที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูในท้องตลาดพุ่งสูง ในขณะเดียวกัน ปัญหา “หมูเถื่อน” หรือเนื้อหมูที่ลักลอบนำเข้า หรือจำหน่ายโดยไม่ผ่านการตรวจสอบตามกฎหมาย ได้ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากความต้องการเนื้อหมูราคาถูก

หมูเถื่อน ไม่เพียงแต่กระทบต่อเศรษฐกิจและสุขภาพ แต่ยังสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมักถูกมองข้าม

หมูแพง: สาเหตุและผลกระทบ

  • การระบาดของ ASF: โรคนี้คร่าชีวิตหมูในฟาร์มจำนวนมาก โดยในปี 2565 มีรายงานว่าประเทศไทยสูญเสียหมูไปกว่า 40% ของปริมาณทั้งหมด
  • ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น: ราคาอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลือง ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการจัดการฟาร์ม
  • การลดลงของเกษตรกรเลี้ยงหมู: เกษตรกรรายย่อยจำนวนมากเลิกเลี้ยงหมูเนื่องจากขาดทุน ทำให้ปริมาณหมูในระบบลดลง

ผลจากราคาหมูที่สูงขึ้น (บางช่วงแตะ 200-250 บาทต่อกิโลกรัม) ทำให้ผู้บริโภคและพ่อค้าหันไปพึ่ง “หมูเถื่อน” ซึ่งมีราคาถูกกว่าหมูในระบบถึง 30-50% การทะลักของหมูเถื่อนยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้ซับซ้อนขึ้น

หมูเถื่อน: ปัญหาที่ทวีความรุนแรง

หมูเถื่อน คือเนื้อหมูหรือซากสุกรที่นำเข้าหรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย หรือขาดเอกสารรับรองแหล่งที่มาและการเคลื่อนย้าย มักมาจากฟาร์มที่ไม่มีการควบคุมมาตรฐานในต่างประเทศ หรือลักลอบผ่านชายแดน โดยหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของกรมศุลกากรและกรมปศุสัตว์

กรมปศุสัตว์ตรวจพบหมูเถื่อนใน จ.นครปฐม

ตรวจพบหมูเถื่อนในนครปฐม

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ร่วมกับกองสารวัตรและกักกัน จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบห้องเย็นของบริษัทแห่งหนึ่งในตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐม พบซากสุกร 108,267 กิโลกรัม สินค้าประมง 50,000 กิโลกรัม และสินค้าแปรรูป 5,000 กิโลกรัม ส่วนใหญ่มีเอกสารถูกต้อง แต่พบ ตับสุกรแช่แข็ง 250 กิโลกรัม และ สามชั้นสุกรแช่แข็ง 262 กิโลกรัม ไม่สามารถแสดงเอกสารแหล่งที่มาได้ เจ้าหน้าที่จึงอายัดสินค้าเป็นเวลา 15 วัน หากเจ้าของไม่แสดงเอกสาร จะถูกดำเนินคดีตาม พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตำรวจไซเบอร์ ได้บุกโรงชำแหละซากสุกรกลางกรุง ย่านบางชื่อ กทม. ประกอบเป็นสถานที่นำมาชำแหละ เพื่อส่งขายมีการลักลอบเคลื่อนย้ายเนื้อและชิ้นส่วนสุกรมาจากพื้นที่ต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ทราบแหล่งที่มา โดยพบว่ามีซากสุกรบางส่วน วางบนพื้นทางเดินโดยไม่มีภาชนะหรือสิ่งใดๆ ปกคลุม ซึ่งซากสุกรทั้งหมดในสถานประกอบการแห่งนี้ มีปริมาณทั้งหมด 7,500 กิโลกรัม ซึ่งซากสุกรที่มีเอกสารครบถ้วนถูกต้องมีเพียง 5,700 กิโลกรัมเท่านั้น ซากสุกรอีก 1,800 กิโลกรัม ไม่ทราบแหล่งที่มา และไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงแหล่งที่มาได้

กรมปศุสัตว์ตรวจยึดหมูเถื่อน

สถิติหมูเถื่อนในประเทศไทย

ปี 2565: 

  • กรมปศุสัตว์ยึดหมูเถื่อนในนครปฐม 59 ตัน (มิถุนายน) และ 53 ตัน (กันยายน)
  • กรมศุลกากรจับกุมหมูเถื่อน 35,000 กิโลกรัม มูลค่า 7.34 ล้านบาท (กันยายน)

ปี 2566: 

  • กรมศุลกากรยึดหมูเถื่อนที่ท่าเรือแหลมฉบัง 4.5 ล้านกิโลกรัม (161 ตู้) ส่งทำลาย 4,313,850 กิโลกรัม
  • ตรวจพบหมูเถื่อนในเชียงใหม่ 5,375 กิโลกรัม และมหาสารคาม 8,000 กิโลกรัม

ปี 2568 (จนถึงเมษายน): 

  • ยึดหมูเถื่อนในบางซื่อ กรุงเทพฯ 1,800 กิโลกรัม (22 เมษายน)
  • อายัดหมูเถื่อนในนครปฐม 512 กิโลกรัม (25 เมษายน)

ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าปัญหาหมูเถื่อนยังคงรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหมูในประเทศสูงขึ้น

หมูเถื่อน กับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • มลพิษจากน้ำเสียและของเสีย

หมูเถื่อนส่วนใหญ่มาจากฟาร์มที่ไม่มีการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ฟาร์มในบางประเทศที่ปล่อยน้ำเสียจากมูลสัตว์ลงสู่แหล่งน้ำโดยตรง สารพิษ เช่น ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ทำให้เกิดภาวะยูโทรฟิเคชัน (Eutrophication) ซึ่งทำลายระบบนิเวศน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ

  • การตัดไม้ทำลายป่า

การขยายพื้นที่ฟาร์มเลี้ยงหมูในภูมิภาค เช่น อเมริกาใต้หรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องตัดไม้ทำลายป่า ส่งผลให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก และทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ซึ่งเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  • การปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ฟาร์มที่ผลิตหมูเถื่อนมักใช้พลังงานฟอสซิลในปริมาณมากและไม่มีการจัดการมูลสัตว์อย่างเหมาะสม ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งมีศักยภาพในการกักเก็บความร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เท่า

  • การแพร่กระจายยาปฏิชีวนะและเชื้อโรค

ฟาร์มที่ไม่ได้มาตรฐานมักใช้ยาปฏิชีวนะเกินขนาดเพื่อป้องกันโรคในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ สารเคมีเหล่านี้ตกค้างในดินและน้ำ ส่งผลให้เกิดการดื้อยาของแบคทีเรีย นอกจากนี้ การแพร่กระจายของ ASF จากหมูเถื่อนอาจนำไปสู่การกำจัดสัตว์จำนวนมาก สร้างขยะชีวภาพที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันมลพิษ

  • มลพิษจากการขนส่ง

การลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนใช้ยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูง เช่น รถบรรทุกหรือเรือที่ไม่ได้มาตรฐาน การขนส่งระยะไกลโดยไม่คำนึงถึงคาร์บอนฟุตพริ้นท์เพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยไม่จำเป็น

  • การจัดการขยะชีวภาพจากการยึดหมูเถื่อน

การยึดหมูเถื่อนในปริมาณมาก เช่น 4.5 ล้านกิโลกรัมในปี 2566 ต้องมีการทำลายอย่างถูกวิธี หากจัดการไม่ดี เช่น การเผาในเตาที่ไม่ได้มาตรฐานหรือการฝังกลบที่ไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและดิน

ผลกระทบด้านอื่น ๆ

  • สุขภาพผู้บริโภค

หมูเถื่อนอาจปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น ASF หรือสารเคมี เช่น สารเร่งเนื้อแดง ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ รวมถึงโรคมะเร็ง

  • ความเดือดร้อนของเกษตรกร

หมูเถื่อนที่มีราคาถูกกว่าทำให้เกษตรกรในประเทศแข่งขันไม่ได้ ส่งผลให้รายได้ลดลงและหลายรายต้องเลิกเลี้ยงหมู

  • ความมั่นคงทางอาหาร

การพึ่งพาหมูเถื่อนทำให้ระบบอาหารเปราะบาง หากเกิดการขาดแคลนหรือการระบาดของโรค อาจกระทบต่อผู้บริโภคในวงกว้าง

Related posts

‘กระดาษสัมผัสอาหาร’ ต้องปลอดภัย เตรียมเป็นสินค้าควบคุม ธ.ค. 68 

สัญญาณเตือนอะไร? ‘แมงกะพรุน’ นับหมื่น เกยหาดระยอง

‘ปกป้องปะการัง’ ทส. ออกกฎเข้ม ‘ทัวร์ดำน้ำ’