ยุคแห่งเครื่องกำเนิดพลังงานน้ำแบบพกพาที่ใส่เป้สะพายหลังได้ ตัวอย่างเช่น Estream คือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานน้ำแบบพกพาที่แปลงกระแสน้ำไหลประเภทใดก็ได้ เช่น น้ำจากแม่น้ำหรือลำธาร ให้เป็นพลังงานที่เก็บไว้เพื่อชาร์จอุปกรณ์พกพาที่เชื่อมต่อ USB ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมันสามารถให้กระแสไฟฟ้าที่ไหนก็ได้โดยเฉพาะในที่ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกระแสไฟในระบบ (ออฟกริด)
Estream จะผลิตพลังงาน 2.5W – 5W การทำงานคือเมื่อ Estream ลอยอยู่ในน้ำ การไหลของน้ำจะหมุนกังหัน การหมุนทำให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ซึ่ง Estream ทำงานได้ดีแม้ในกระแสน้ำที่อ่อนแรง หรือแม้แต่ผูกโยงไว้กับหลังเรือมันก็สามารถปั่นกระแสไฟได้
มันใช้เวลาประมาณ 4.5 ชั่วโมงในการชาร์จแบตเตอรี่ในตัวขนาด 6,400 mAh ให้เต็มโดยใช้น้ำไหล เมื่อชาร์จจนเต็มแล้ว แบตเตอรี่สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนหรือกล้อง GoPro ได้ถึง 3 เครื่อง หรือแม้แต่แท็บเล็ตพีซี ซึ่งเร็วกว่าเต้ารับปกติถึง 2 เท่า มันจึงเหมาะมากสำหรับการเดินป่าแล้วอัดคลิปไปด้วย
นอกจาก Estream ที่ขนาดเท่ากระติกน้ำร้อนมือถือแล้วยังมี WaterLily ซึ่งมีขนาดย่อมพอ ๆ กันแต่รูปทรงเหมือนกงล้อ วิธีการก็คือนำมันไปแช่ในน้ำที่ไหล และจะสามารถสร้างพลังงานได้มากถึง 360 วัตต์/ชั่วโมง ในหนึ่งวันสามารถชาร์จโทรศัพท์ ลำโพง กล้อง แบตเตอรี่ และอุปกรณ์ 12V และแบตเตอรี่ มีน้ำหนักเพียง 1.3 กิโลกรัม
อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือ Blue Freedom ที่โฆษณาว่าเป็นเทอร์ไบน์ผลิตไฟฟ้าจากกระแสน้ำที่เล็กที่สุด ซึ่งก็อาจจะจริงเพราะขนาดกว้าง 20 ซม. และน้ำหนักเพียง 690 กรัม และข้างในเป็นแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งเก็บพลังงานมากเกินพอที่จะชาร์จสมาร์ทโฟนได้สองสามครั้ง หลังจากนั้นก็โยนลงลำธารเพื่อชาร์จแบตกันต่อไป
ไม่ใช่ชาร์จแล้วหมดชาร์จเลย มันสามารถชาร์จใหม่ได้เพื่อเติมพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ ตราบใดที่เรามีแหล่งน้ำไหลก็สามารถชาร์จอุปกรณ์ต่อไปได้ แม้ว่าเราจะอยู่ในระหว่างการผจญภัยที่ยาวนานที่สุดในพื้นที่ห่างไกลที่สุด ขอเพียงมีแหล่งน้ำไหล แม่น้ำ ลำธาร หรือการล่องเรือในทะเลสาบ
ข้อจำกัดบางอย่างเช่น กระแสน้ำอาจจะต้องไหลพอสมควร ไม่ใช่ไหลเอื่อย ๆ เช่น WaterLily กำหนดว่า การไหลขั้นต่ำที่ต้องการคือ 1 กม./ชม. หรือ 0.5 น็อต กระแสเอาต์พุตกำลังสูงสุด และรองรับความเร็วน้ำสูงสุด 15 กม./ชม. หรือ 8 น็อต
มีแบตเตอรี่แบบพกพามากมาย แต่ “กังหันน้ำ” เหล่านี้ต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาดตรงที่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากน้ำได้ ไม่เพียงแต่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการผลิต และใช้พลังงานโดยตรง แม้ว่ามันจะเล็ก แต่มันมีพลังงานพอดูเลยทีเดียว
ที่สำคัญก็คือ มันช่วยให้เราปิดช่องว่างในการเข้าถึงแหล่งพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน เพราะพลังงานแสงอาทิตย์ และลมต้องใช้อุปกรณ์ในการสร้างพลังงานที่ใหญ่กว่าทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ยากกว่า และน้ำยังมีความน่าเชื่อถือมากกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ และมีประสิทธิภาพมากกว่าลม น้ำเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ทรงพลังที่สุดในโลก และสิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวเรา
เทียบหมัดต่อหมัดแล้วดูเหมือนว่า เทอร์ไบน์แบบพกพาที่ผลิตกระแสไฟจากกระแสน้ำยังได้เปรียบกว่าตรงที่ให้พลังไฟสูงกว่า เช่น แผงโซลาร์ 14W จะสร้างพลังงาน 42 วัตต์ชั่วโมงในวันที่มีแสงอาทิตย์จ้า ในขณะที่แผงโซลาร์ 100W ให้พลังงานแค่ 300 เทียบกับ WaterLily ที่ผลิตได้มากถึง 360 วัตต์ชั่วโมงในหนึ่งวัน
การเข้าถึงพลังงานไฟฟ้า (ที่สะอาดและปลอดภัยกับโลก) ณ ที่ใดก็ได้ยังถือเป็นเสรีภาพอย่างหนึ่งที่มนุษย์พึงมี เหมือนอย่างที่ Blue Freedom นำเสนอว่าจะต้องมีการสร้างพลังงานในจุดที่จำเป็น ซึ่งจะลดการสูญเสีย การส่งผ่าน และการจัดเก็บลงไปได้มาก อีกทั้งการเข้าถึงพลังงานควรจะต้องมีตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่คำนึงถึงสภาพอากาศ
ข้อมูลและภาพ:
http://www.energynomad.com/
https://blue-freedom.net/
https://www.waterlilyturbine.com/