กรมอุทยานฯแจ้งข้อหา 3 ราย ครอบครองลูกสิงโตในบ้านพัก

นายวีระ ขุนไชยรักษ์ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ตรวจสอบบ้านเลขที่ 354/42 ม.12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีข่าวการเผยแพร่คลิปสิงโตอยู่ในรถหรูเปิดประทุนขับไปตามถนนในพื้นที่พัทยา จ.ชลบุรี

จากการตรวจสอบ น.ส.สว่างจิต โกสูงเนิน เป็นผู้แจ้งครอบครองสิงโตตัวดังกล่าว และพบ น.ส.อัลบีนา คูรุตส์ ชาวยูเครนเป็นผู้อาศัยอยู่ในบ้านพัก และดูแลสิงโต จึงสแกนหาไมโครชิพพบว่าตรงกับเอกสารการแจ้งครอบครองต้นทางฟาร์มของนายกิตต์ จ.นครปฐม ที่เป็นผู้โอน แต่การโอนย้ายยังไม่แล้วเสร็จจากสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) จึงถือว่ามีความผิดเสมือนเป็นการโอนลอย

น.ส.สว่างจิต ให้การว่า มีนักธุรกิจชาวศรีลังกาเป็นผู้ให้เช่าบ้านเพื่อเลี้ยงสิงโต และรถหรูที่ปรากฎในสื่อโซเชียลได้ซื้อแบบผ่อนชำระจากเต็นท์รถ ย่านรามอินทรา กรุงเทพฯ แต่ขณะนี้ชาวศรีลังกาได้เดินทางกลับศรีลังกาแล้ว เมื่อกลับมาไทยเจ้าหน้าที่จะเรียกตัวมาสอบปากคำอีกครั้ง

ด้านนายประเสริฐ สอนสถาพรกุล ผอ.กองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญาไซเตส กรมอุทยานฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับ 3 ผู้กระทำผิด คือ น.ส.สว่างจิต น.ส.อัลบีนา  และนักธุรกิจศรีลังกา ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 มาตรา 19 วรรค 1

ทั้งนี้ ตามฐานครอบครองสัตว์ป่าควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแจ้งดำเนินคดีเพิ่มเติมกับนายกิตต์ ที่ครอบครองสิงโตและแจ้งเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาต  มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ลูกสิงโตยังคงอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อให้ผู้ที่มีความคุ้นเคยได้ดูแลลูกสิงโตไปก่อน หลังจากนี้ต้องรอพนักงานสอบสวนดำเนินคดีให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องเอกสารการโอนไม่มีผลอะไรแล้ว เพราะ น.ส.สว่างจิตตกเป็นผู้ต้องหา ไม่มีคุณสมบัติที่จะครอบครองสัตว์ป่าได้ ดังนั้นลูกสิงโตจะถูกส่งกลับไปยังฟาร์มของนายกิตติ์

สำหรับ สิงโตเป็นสัตว์ป่าควบคุมที่ต้องแจ้งการครอบครอง ชนิด ก (ดุร้าย) ดังนั้นต้องดูแลรักษาในสถานที่ครอบครองที่แข็งแรงปลอดภัย ไม่สร้างความหวาดกลัวให้ผู้อื่น ทั้งนี้ในปัจจุบัน มีผู้แจ้งครอบครองสิงโต 38 ราย 224 ตัวทั่วประเทศ ซึ่งกรมอุทยานฯ จะเร่งตรวจสอบผู้ครอบครองทั้งหมดว่าได้ดูแลรักษาอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยแข็งแรงหรือไม่

Related posts

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

COP29 มุ่งมั่นเป้าหมายทางการเงินใหม่ ชาติพัฒนาแล้วจ่าย 1 แสนล้าน

‘เฉลิมชัย’ พาหมูเด้งบุก COP29 เปิด Thailand Pavilion โชว์แก้โลกเดือด