“โลมา” กำลังเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรง จากมลพิษทางเคมี และภาวะน้ำทะเลอุ่นขึ้น ผลตรวจพบสารพิษในเนื้อเยื่อในระดับที่น่าเป็นห่วง
ในน่านน้ำรอบสหราชอาณาจักร โลมาปากสั้นกำลังเผชิญภัยคุกคามร้ายแรงจากมลพิษทางเคมีและภาวะน้ำทะเลที่อุ่นขึ้น ผลกระทบจากสารพิษที่สะสมในร่างกายและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมกำลังทำให้สุขภาพของโลมาแย่ลง ส่งผลให้โลมาเกยตื้นตายในอัตราที่น่าตกใจ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า หากไม่มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อนาคตของโลมาและระบบนิเวศทางทะเลอาจตกอยู่ในความเสี่ยง
มลพิษเคมี: ภัยเงียบที่ยังคงอยู่
หนึ่งในภัยคุกคามสำคัญคือ ไบฟีนิลโพลีคลอรีเนต (PCB) สารเคมีที่ใช้ในอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลายในอดีต แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะสั่งห้ามใช้ PCB ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เนื่องจากความเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิต แต่สารเคมีนี้ยังคงตกค้างในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในตะกอนใต้น้ำและแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนจากพื้นที่อุตสาหกรรมเก่า สารพิษเหล่านี้ไหลลงสู่มหาสมุทร ทำร้ายสัตว์ทะเลอย่างต่อเนื่อง
โรซี่ วิลเลียมส์ นักวิจัยจากสมาคมสัตววิทยาแห่งลอนดอน ระบุว่า PCB ที่พบในเนื้อเยื่อของโลมามีระดับสูงจนน่ากังวล สารเคมีนี้สะสมในไขมันของโลมา ซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทำให้โลมาได้รับสารพิษในปริมาณมากจากการกินปลาที่ปนเปื้อน สาร PCB สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันของโลมา ทำให้พวกมันเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น โรคปอดบวม โรคกระเพาะ และโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งมักนำไปสู่การเสียชีวิต
เทีย เทย์เลอร์ กรรมการผู้จัดการของ Sussex Dolphin Project กล่าวว่า “โลมาเปรียบเสมือนตัวบ่งชี้สุขภาพของมหาสมุทร สารพิษที่สะสมในร่างกายพวกมันสะท้อนถึงปัญหามลพิษในทะเล แต่ต้องแลกมาด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่ของพวกมันเอง”
ภาวะน้ำทะเลอุ่น: ความเครียดที่เพิ่มขึ้น
นอกจากมลพิษเคมีแล้ว การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในบางพื้นที่ของสหราชอาณาจักรยังสร้างความท้าทายให้กับโลมา น้ำที่อุ่นขึ้นรบกวนรูปแบบการหากินของโลมา เนื่องจากเหยื่อ เช่น ปลาขนาดเล็ก อาจเปลี่ยนแหล่งที่อยู่อาศัย ส่งผลให้โลมาต้องเผชิญกับความอดอยากและสภาพร่างกายที่อ่อนแอลง
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำที่อุ่นขึ้นยังเอื้อให้เชื้อโรคในทะเล เช่น แบคทีเรียและไวรัส เจริญเติบโตได้ดีขึ้น โลมาที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากสารพิษจึงยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น นักวิจัยพบว่า ช่วงที่อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น มักสัมพันธ์กับอัตราการป่วยและการตายของโลมาที่เพิ่มขึ้น
ผลกระทบต่อโลมาเกยตื้น
การวิเคราะห์โลมาปากสั้นที่เกยตื้นตามชายฝั่งสหราชอาณาจักรเผยให้เห็นความเชื่อมโยงที่น่าตกใจระหว่างระดับ PCB และการติดเชื้อร้ายแรง โลมาที่มีสารพิษในร่างกายสูงมีแนวโน้มที่จะป่วยด้วยโรคติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อน้ำทะเลอุ่นขึ้น ปัจจัยทั้งสองนี้สร้างวงจรอันตราย: โลมาอ่อนแอลงจากสารพิษ เผชิญความเครียดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และต้องต่อสู้กับเชื้อโรคที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
แม้ว่า PCB จะถูกห้ามมานานกว่า 40 ปี แต่สารเคมีนี้ยังคงคงอยู่ในสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ย่อยสลายได้ยาก ตะกอนในแม่น้ำและชายฝั่งที่ปนเปื้อน PCB ยังคงปล่อยสารพิษลงสู่ทะเลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สารเคมีอื่นๆ เช่น สารเพอร์ฟลูออโรอัลคิลและโพลีฟลูออโรอัลคิล (PFAS) ก็เริ่มกลายเป็นภัยคุกคามใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสัตว์ทะเลและมนุษย์
การควบคุมมลพิษเหล่านี้เป็นความท้าทายที่ซับซ้อน หน่วยงานกำกับดูแลต้องเผชิญกับปัญหาการจัดการขยะอุตสาหกรรมเก่าและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อกรองสารเคมีก่อนที่มันจะลงสู่แหล่งน้ำ กลุ่มสิ่งแวดล้อมบางกลุ่มพยายามแก้ปัญหาด้วยการขุดลอกตะกอนที่ปนเปื้อนหรือพัฒนาระบบบำบัดน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์และนักอนุรักษ์เรียกร้องให้มีมาตรการเร่งด่วนเพื่อปกป้องโลมาและระบบนิเวศทางทะเล วิลเลียมส์ เน้นย้ำว่า มหาสมุทรกำลังเผชิญกับ “วิกฤตการณ์ 3 ด้าน” ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุม รวมถึง:
- ลดการปล่อยสารเคมี: ป้องกันไม่ให้สารพิษใหม่เข้าสู่แหล่งน้ำและกำจัดแหล่งปนเปื้อนเก่า
- จัดการขยะอุตสาหกรรม: ปรับปรุงการกำจัดของเสียและบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ต่อสู้กับภาวะโลกร้อน: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทะเล
- วิจัยเพิ่มเติม: ระบุพื้นที่ที่มีมลพิษสูงและติดตามสุขภาพของโลมาเพื่อวางแผนการแทรกแซง
เทย์เลอร์ กล่าวว่า “เราไม่สามารถย้อนกลับความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วได้ แต่เราสามารถป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลงด้วยการควบคุมมลพิษอย่างเข้มงวด”
โลมา: กระจกสะท้อนสุขภาพมหาสมุทร
โลมาไม่เพียงแต่เป็นสัตว์ที่สวยงามและฉลาด แต่ยังเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสุขภาพมหาสมุทร เมื่อโลมาเจ็บป่วยหรือตายจากมลพิษและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม สิ่งนี้สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบนิเวศทั้งหมด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลอื่นๆ และชุมชนมนุษย์ที่พึ่งพาทรัพยากรจากทะเลในที่สุด
การปกป้องโลมาจึงไม่ใช่แค่การอนุรักษ์สายพันธุ์เดียว แต่เป็นการรักษาสมดุลของมหาสมุทรที่เป็นแหล่งชีวิตของโลก การดำเนินการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเพื่อลดมลพิษและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะช่วยให้โลมาและสัตว์ทะเลอื่นๆ มีโอกาสรอดชีวิตในอนาคต
อ้างอิง :