นักวิทย์รณรงค์อารยะขัดขืน ล่ามโซ่ต้านแบงก์-สภา-รัฐบาล ที่สนับสนุนพลังงานฟอสซิล

นักวิทยาศาสตร์มากกว่า 1,000 คนทั่วโลกล่ามโซ่ตัวเองที่ประตูธนาคารที่เกื้อหนุนอุตสาหกรรมน้ำมัน และร่วมกันปิดทางเข้าออกสะพาน, ยึดพื้นที่บริเวณบันไดของอาคารรัฐบาล เพื่อส่งข้อความด่วนถึงประชาคมระหว่างประเทศว่า วิกฤตทางนิเวศวิทยากำลังเป็นภาวะฉุกเฉินมากขึ้น และมีเพียง “การปฏิวัติสภาพภูมิอากาศ” เท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้

ผู้จัดการประท้วงครั้งนี้บอกว่านี่คือ “การรณรงค์อารยะขัดขืนที่นำโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” เริ่มต้นขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ออกรายงานล่าสุดซึ่งได้เตือนถึงความล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้นได้หากโลกยังไสามารถควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียสภายในสิ้่นศตวรรษนี้ได้

หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมการชุมนุมคือ ปีเตอร์ แคลมัส (Peter Kalmus) นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศของ NASA ผู้ร่วมก่อตั้ง ClimateAd ร่วมการชุมนุม “นักวิทยาศาสตร์กบฏ” (Scientist Rebellion) เพื่อทำการล็อกดาวน์ที่ลอสแองเจลิส เขาบอกว่า LAPD ตอบโต้การชุมนุมด้วยตำรวจอย่างน้อย 100 นายในชุดปราบจลาจล และเขาถูกจับกุมเพียงเพราะประท้วงอย่างสันติหน้าอาคารของสถาบันการเงิน JP Morgan Chase 

เครดิตภาพ : Scientist Rebellion.

เขาบอกว่า บริษัทนี้ให้ทุนโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่ ๆ มากกว่าธนาคารอื่น ๆ และ “นำพาพวกเราทุกคนไปสู่การทำลายสภาพภูมิอากาศ” บทความใน Guardian เสริมว่า “เราเลือก JP Morgan Chase เนื่องจากในบรรดาธนาคารเพื่อการลงทุนทั้งหมดในโลก JP Morgan Chase ให้ทุนสนับสนุนโครงการเชื้อเพลิงฟอสซิลแห่งใหม่ที่สุด”

แคลมัส เขียนว่า “ตามที่รายงานใหม่ของ IPCC อธิบายว่าการปล่อยมลพิษจากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานฟอสซิลในปัจจุบันและที่วางแผนกันไว้นั้นมีปริมาณมากกว่าสองเท่าที่จะผลักดันโลกให้ร้อนขึ้นกว่า 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับความร้อนที่จะทำให้เกิดความร้อน ไฟป่า และพายุที่รุนแรงมากขึ้น อุทกภัยและภัยแล้งมากกว่า (ระดับความร้อน) ปัจจุบันที่ 1.2 องศาเซลเซียส”

นอกจากที่ลอสแองเจลิสยังมีการชุมนุมมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศได้ล่ามโซ่ตัวเองไว้กับรั้วทำเนียบขาว และท้ายที่สุดก็ถูกจับกุม เนื่องจากพวกเขาต้องการให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐประกาศ “ภาวะฉุกเฉินด้านสภาพอากาศ” ซึ่งเป็นขั้นตอนที่จะปลดล็อกเครื่องมือต่าง ๆ ที่จำเป็นในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน

เครดิตภาพ : Scientist Rebellion..

ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ก็มีนักวิทยาศาสตร์ได้สาดสีแดงบนผนังและบนบันไดของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อประณามการเพิกเฉยต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามด้านสภาพอากาศที่มีอยู่ ปรากฏว่านักวิทยาศาสตร์กว่า 50 คนถูกจับระหว่างการแสดงพลังของพวกเขา ขณะที่ในเยอรมนีก็มีบรรดานักวิทยาศาสตร์ร่วมกันปิดกั้นสะพานใกล้กับอาคารรัฐสภา

แต่เชื่อหรือไม่ว่าสื่อกระแสหลักแทบไม่สนใจความเคลื่อนไหวนี้เลย ปีเตอร์ แคลมัส เขียนในทวิตเตอร์ว่า “สื่อกระแสหลักแทบจะไม่รายงานเรื่องนักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศที่ถูกจับไปทั่วโลกในความพยายามอย่างยิ่งที่จะกอบกู้โลก ที่จริงแล้วมันเลวร้ายยิ่งกว่า Don’t Look Up เสียอีก (ภาพยนต์ของ Netflix ที่เยาะเย้ยความเฉยเมยของผู้คนและผู้นำโลกเกี่ยวกับปัญหาฉุกเฉินที๋โลกกำลังประสบ”

แคลมัสระบุว่า เพื่อนนักเคลื่อนไหวในท้องถิ่นของเขาไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่าเขาถูกจับกุม และชี้ว่าถ้าไม่มีการรายงานความจริงจังของสถานการณ์และปฏิกิริยาของนักวิทยาศาสตร์ ผู้คนจะรู้เรื่องได้อย่างไร? “เมื่อผู้เฝ้าสังคมอย่างสื่อปฏิเสธเรื่องสภาพภูมิอากาศอย่างไม่แยแส มันทำให้พวกเราพยายามช่วยมนุษยชาติให้รอดพ้นจากการพังทลายของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ยากขึ้น” 

อ้างอิง: 

  • Johnson, Jake. (April 7, 2022). “Dozens Arrested as Scientists Worldwide Mobilize to Demand ‘Climate Revolution'”. Common Dreams. 
  • Peter Kalmus. (April 6, 2022).”Climate scientists are desperate: we’re crying, begging and getting arrested”. Guardian 

ภาพ: Twitter/@SustainablValeS Sustainability Consultant for Life Science. Former Researcher at King’s College London. PhD in Molecular Biology. XR Scientist

Related posts

การเกษตรรักษ์โลก ‘แหนเป็ด’ ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคตโปรตีนสูง 45%

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

ประโยชน์การเข้าร่วมเวที COP29 โอกาสเข้าถึงเงินช่วยเหลือของไทย