สวีเดนล่า ‘หมีสีน้ำตาล’ ออกใบอนุญาตฆ่า 486 ใบ NGO ค้านหวั่นสูญพันธุ์

รัฐบาลสวีเดนออกใบอนุญาตประจำปีล่าหมีสีน้ำตาล 486 ใบ วันแรกฆ่ารวดเดียว 152 ตัว คิดเป็นประมาณ 20% ของประชากรหมีสีน้ำตาล นักอนุรักษ์ค้าน

เมื่อ 20 กว่าปีก่อน จำนวนหมีสีน้ำตาลในยุโรปมีจำนวนมากถึงประมาณ 50,000 ตัว แต่จำนวนประชากรพวกมันก็ลดลงเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเข้าสู่สถานะใกล้สูญพันธุ์ เพราะการล่าผ่าน “ใบอนุญาต” ที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวดในยุโรปก็ตาม

ประชากรหมีสีน้ำตาลในปัจจุบันฟื้นตัวมาอยู่ที่ประมาณ 15,000 – 16,000 ตัว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีในมุมมองของนักอนุรักษ์ แต่ชาวชุมชนไม่ปลื้ม กระทั่งมีการผลักดันให้ลดสถานะจาก “ได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด” เหลือเพียง “ได้รับการคุ้มครอง” เนื่องจากหมีเหล่านี้คุกคามการอยู่อาศัยของมนุษย์ จึงมีการผลักดันข้อเสนอใหม่ให้มีความยืดหยุ่นของกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะการกำจัดพวกมัน ยกเว้นหมีที่อาศัยอยู่ในป่า

“การเพิ่มขึ้นและขยายตัวของประชากรหมีสีน้ำตาลได้ทำให้เกิดผลกระทบที่เพิ่มขึ้นต่อชุมชนชนบทและการเลี้ยงปศุสัตว์” ข้อมูลระบุ พร้อมอธิบายว่าในโรมาเนียเพียงประเทศเดียวมีการรายงานการโจมตีจากหมี 240 ครั้ง ระหว่างปี 2004 ถึง 2021 โดยเฉพาะการทำลายพืชผลของเกษตรกรที่สร้างความเสียหายหลายล้านยูโร

นักอนุรักษ์อย่าง โรบิน ริกก์ ประธานสมาคมสัตว์ป่าสโลวาเกีย กล่าวกับ CNN ว่า วิธีป้องกันที่มีมนุษยธรรม เช่น การใช้รั้วไฟฟ้า สามารถช่วยขัดขวางหมีจากสิ่งดึงดูด เช่น รังผึ้ง ต้นผลไม้ และสัตว์ปศุสัตว์ได้ ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยกับการลดระดับการคุ้มครองสายพันธุ์ แต่เสนอให้ใช้วิธีการอื่นในการแก้ปัญหา

อย่างไรก็ตาม วิธีการแก้ปัญหาไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเกิดเหตุหมีสีน้ำตาลก่อพฤติกรรมที่ซ้ำซาก ตัวอย่างที่เป็นที่รับทราบกันก็คือคือในช่วงกลางทศวรรษ 2000 มีลูกหมีชื่อ บรูโน่ หรือที่รู้จักกันในชื่อหมี JJ1 ไปก่อเหตุขโมยรังผึ้งและโจมตีแกะในเยอรมนี

ปัญหาหมีสีน้ำตาลถึงกับต้องนำเข้าที่ประชุมสภาสิ่งแวดล้อมสหภาพยุโรป เมื่อเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยมีความเห็นของแต่ละประเทศแตกออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนการลดสถานะการคุ้มครอง ขณะที่บางประเทศอย่างสเปนเห็นว่า ความปลอดภัยของมนุษย์ควรได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก ขณะที่เยอรมนีกล่าวว่า กฎที่มีอยู่เพียงพอแล้ว

ข้อถกเถียงในเรื่องไม่มีข้อยุติ เพราะแม้กระทั่งเกิดเหตุหมีสีน้ำตาลทำร้ายหญิงวัย 26 ปีเสียชีวิตในอิตาลี ซึ่งเดิมทีหน่วยงานตั้งใจจะฆ่าทิ้ง แต่มันก็ได้รบโอกาสใหม่หลังจากหลายหน่วยงานด้านอนุรักษ์สัตว์แทรกแซงการตัดสินใจดังกล่าว ทำให้เรียกได้ว่าปัญหาหมีสีน้ำตาลในยุโรปกลายเป็นปัญหาโลกแตก

ล่าสุดรัฐบาลสวีเดนได้ออกใบอนุญาต 486 ใบ สำหรับการยิงหมีในการล่า ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของประชากรหมีสีน้ำตาลที่เหลืออยู่ การล่าในปีนี้เกิดขึ้นหลังจากการสังหารหมีจำนวน 722 ตัวในปีที่แล้วซึ่งเป็นสถิติใหม่ ตามรายงานของสำนักงานป้องกันสิ่งแวดล้อมของสวีเดน โดยในวันที่ 22 ส.ค. เป็นวันที่สองของการล่า มีหมีถูกยิงไปแล้ว 152 ตัว

การล่าหมีครั้งนี้กลายเป็นจุดสนใจของความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น และในปีนี้ตำรวจได้ติดตามนักล่าเป็นครั้งแรก เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการประท้วงในท้องถิ่น

แม็กนัส ออร์เรบรานต์ ประธานสมาคมสัตว์กินเนื้อสวีเดน ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนการอนุรักษ์สัตว์ป่า กล่าวว่า “วิธีการล่าสมัยใหม่ทำให้การฆ่าหมีเป็นเรื่องง่ายมาก – สามารถเปรียบเสมือนการสังหารอย่างบริสุทธิ์”

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลาดตระเวนในป่าด้วยการเดินเท้าและใช้โดรน เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าการล่าของนักล่าเป็นไปอย่างสงบ ท่ามกลางความกังวลว่าใบอนุญาตที่เพิ่มขึ้นอาจก่อให้เกิดการประท้วงของกลุ่มนักอนุรักษ์

เมื่อศตวรรษก่อน หมีในสวีเดนถูกล่าจนเกือบสูญพันธุ์ แต่จำนวนประชากรหมีฟื้นตัวขึ้นสูงสุดที่ 3,300 ตัวในปี 2008 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การล่าทำให้จำนวนหมีลดลง 40% เหลือประมาณ 2,400 ตัว หากการล่ายังคงดำเนินต่อไปในอัตราเดียวกัน การล่าในปีหน้าจะทำให้จำนวนหมีลดลงจนใกล้เคียงกับจำนวนขั้นต่ำที่ 1,400 ตัว ซึ่งรัฐบาลสวีเดนถือว่าเป็นจำนวนที่จำเป็นเพื่อรักษาประชากรหมีให้คงอยู่ได้

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา สวีเดนได้ล่าหมาป่า แมวป่า และหมีไปหลายร้อยตัว โดยการล่าในปีที่แล้วสร้างสถิติใหม่สำหรับจำนวนสัตว์ที่ถูกล่า ในปี 2023 ประเทศนี้จัดการล่าหมาป่าครั้งใหญ่ที่สุดในยุคปัจจุบัน โดยมีเป้าหมายล่าหมาป่า 75 ตัวจากจำนวนประชากรที่มีเพียง 460 ตัวเท่านั้น

นักนิเวศวิทยากังวลว่า หากการล่ายังคงดำเนินต่อไปอาจมีผลกระทบต่อทั้งภูมิภาค เมื่อต้นเดือนนี้กลุ่มสิ่งแวดล้อมในนอร์เวย์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อทางการสวีเดนในบางพื้นที่ชายแดน เพื่อขอให้ลดจำนวนใบอนุญาตการฆ่าหมี โดยอ้างว่าการล่านี้เป็นภัยต่อประชากรหมีสีน้ำตาลในทั้งสองประเทศ แต่คำอุทธรณ์ของพวกเขาถูกปฏิเสธ

ทรุลส์ กูลอว์เซน หัวหน้าสมาคมอนุรักษ์ธรรมชาตินอร์เวย์กล่าวว่า พวกเขากังวลอย่างมากกับการล่าหมีน้ำตาลของสวีเดน เพราะทำให้ประชากรพวกมันลดลงอย่างมากและค่อนข้างน่าตกใจกับการอยู่รอดและจำนวนประชากรหมีสีน้ำตาลในสแกนดิเนเวียทั้งหมด

โยนาส คินด์เบิร์ก จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การเกษตรสวีเดน และหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ในโครงการหมีสแกนดิเนเวียกล่าวว่า “หากต้องการให้ประชากรหมีคงที่ที่ประมาณ 2,400 ตัวตามที่เราประเมินในปัจจุบัน คุณสามารถยิงหมีได้เพียงประมาณ 250 ตัวต่อปีเท่านั้น”

หมีสีน้ำตาลเป็น “สายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด” ในยุโรป และนักอนุรักษ์โต้แย้งว่าโควต้าการล่าที่สูงเช่นนี้อาจละเมิดข้อบังคับด้านถิ่นที่อยู่อาศัยของสหภาพยุโรป ซึ่งห้ามการ “ล่าหรือฆ่าสายพันธุ์ที่ได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวดโดยเจตนา” ภายใต้กฎของสหภาพยุโรป ข้อห้ามนี้สามารถยกเลิกได้เฉพาะในกรณีที่ “เป็นทางเลือกสุดท้าย” เพื่อปกป้องความปลอดภัยสาธารณะ พืชผล หรือพืชและสัตว์ตามธรรมชาติเท่านั้น

หมาป่าและหมีเคยเป็นความสำเร็จในการอนุรักษ์ทั่วสหภาพยุโรป โดยจำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการคุ้มครองที่เข้มงวดและการห้ามล่า แต่ตอนนี้สวีเดนเป็นหนึ่งในหลายประเทศในยุโรปที่เพิ่มการล่าสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ รวมถึงในปีนี้โรมาเนียได้ประกาศล่าหมีสีน้ำตาลเกือบ 500 ตัว แม้พวกมันจะมีสถานะคุ้มครองก็ตาม

แน่นอนว่า หลายประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ที่สนับสนุนการลดการคุ้มครองหมี แต่คณะผู้แทนจากโรมาเนีย สโลวาเกีย และฟินแลนด์ได้ยื่นข้อเสนอต่อสภาสิ่งแวดล้อมของอียูให้ลดระดับสถานะการคุ้มครองของประชากรหมีสีน้ำตาลบางกลุ่ม จากที่กฎหมายปัจจุบันห้ามฆ่าหมีในป่า ยกเว้นในบางกรณี เช่น เมื่อหมีฆ่าหรือทำร้ายมนุษย์อย่างรุนแรง การละเมิดกฎหมายนี้อาจนำไปสู่การถูกปรับเป็นจำนวนมากสำหรับประเทศที่ไม่ปฏิบัติตาม

การจัดการกับการโจมตีของหมีเป็นหัวข้อทางการเมืองของบางประเทศสมาชิกในอียูทั้ง 27 ประเทศมานานหลายปี แต่ไม่มีข้อสรุป เนื่องจากอันตรายจากการโจมตีของหมีกับการอนุรักษ์นั้นได้เดินคู่ขนานกันมาต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่หมีจะกลับมาเป็นเป้าหมายในการล่าของนักล่าอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในอดีตหมีสีน้ำตาล (Ursus arctos) ในยุโรปมีอยู่ประมาณ 50,000 ตัว (ประมาณ 14,000 ตัวอยู่นอกรัสเซีย) ในพื้นที่กว่า 2.5 ล้านตารางกิโลเมตร (800,000 ตารางกิโลเมตรอยู่นอกรัสเซีย) พบหมีประมาณ 37,500 ตัวในประชากรของยุโรปตะวันออกเฉียงเหนือ 8,100 ตัวอยู่ในเทือกเขาคาร์เพเทียน 2,800 ตัวอยู่ในเทือกเขาแอลป์-ดินาริก-ปินโดส 1,000 ตัว อยู่ในสแกนดิเนเวีย 520 ตัว อยู่ในเทือกเขาติลา-โรโดป 200 ตัว

นอกจากนั้นอาศัยอยู่ในเทือกเขาสตาราพลานินา 50-65 ตัว อยู่ในเทือกเขาแคนตาเบรียตะวันตก 40-80 ตัว อยู่ในเทือกเขาแอเพนไนน์ 20 ตัว อยู่ในเทือกเขาแคนตาเบรียตะวันออก 6 ตัว อยู่ในเทือกเขาพิเรนีสตะวันตก 5 ตัว อยู่ในเทือกเขาพิเรนีสกลาง และในเทือกเขาแอลป์ตอนใต้ 4 ตัว

หมีสีน้ำตาลเป็นสัตว์คุ้มครองหรือสัตว์ที่ถูกล่าในทุกประเทศที่กล่าวถึง และประเทศส่วนใหญ่ยกปัญหาหมีสีน้ำตาลมาแก้ในระดับชาติ มีหลายกระทรวงหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ประเทศในยุโรปทั้งหมดที่มีหมีอยู่ภายในพรมแดนของประเทศ (ยกเว้นบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาและสหพันธรัฐยูโกสลาเวีย) ได้ลงนามในอนุสัญญาเบิร์นแล้ว และเกือบครึ่งหนึ่งได้เตรียมหรือกำลังเตรียมแผนการจัดการหมีสีน้ำตาล

นอกจากนี้ ประเทศส่วนใหญ่ยังดำเนินการติดตาม วิจัย เผยแพร่ข้อมูล และกิจกรรมอนุรักษ์ในพื้นที่ที่หมีอาศัยอยู่ และอาจเกิดความเสียหายต่อปศุสัตว์ สวนผลไม้ และรังผึ้ง แต่ในประเทศส่วนใหญ่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะได้รับการชดเชยสำหรับความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นจากรัฐบาล รัฐบาลระดับภูมิภาค หรือสโมสรล่าสัตว์ ซึ่งในปี 1995-1996 ทั่วทั้งยุโรปมีการจ่ายเงินชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการทำร้ายจากหมีไปประมาณ 1.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อ้างอิง:
Aug 23, 2024 . Swedish hunters kill more than 150 brown bears in first days of annual cull, The Guardian
Mar 30, 2024 . Europe saved its bears from extinction. Now some countries want more rights to shoot them By Billy Stockwell, CNN
Jan 2001 . Status and managment of the brown bear in Europe, ResearchGate

เครดิตภาพ: Bearphoto / https://www.sportswedish.com

Related posts

กรรมการชาติเห็นชอบร่างพรบ.โลกร้อน เดินหน้าสู่เศรษกิจคาร์บอนต่ำ

ฝุ่น PM2.5 พุ่ง ‘หอฟอกอากาศระดับเมือง’ คืนชีวิตให้คนกรุง อย่างไร

ชุบชีวิต ‘ขยะทะเล’ เพิ่มมูลค่า ชุมชนยั่งยืน ลดโลกร้อน