‘กรุงเทพฯ-ปริมณฑล’ เสี่ยงจม แนะคนเมืองปรับตัวอยู่กับน้ำให้ได้

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต รวมรวบข้อมูลผลการศึกษาข้อบ่งชี้ความเสี่ยงน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล พบว่าพื้นที่จังหวัดบริเวณนี้เสี่ยงจมน้ำแน่นอน และทางรอดเดียวต้องปรับตัวอยู่กับน้ำให้ได้

รศ.ดร.เสรีได้นำผลการศึกษามาทำการศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมจากภัยคุกคามจาก 3 น้ำ คือ น้ำเหนือ น้ำฝน และน้ำทะเลหนุน ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ จ.นครสวรรค์ ลงมายังชายฝั่งทะเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล (สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสมุทรปราการ) โดยการใช้ฐานข้อมูลล่าสุดจากรายงานการประเมินสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับที่ 6 (IPCC-AR6-2021) สรุปได้ว่า ในอนาคตอันใกล้ และไกลกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่สามารถรอดพ้นจากภัยคุกคามของ 3 น้ำได้เลย

ทั้งนี้ อิทธิพลน้ำเหนือจะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ทั้งลุ่มเจ้าพระยาเป็นรายฤดูกาล (ประมาณ 2 เดือน) ส่วนพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลจะหายไปอย่างถาวรเพิ่มขึ้นประมาณ 2, 5, 8, และ 20 กม. ในปี 2573, 2593, 2613, และ 2643 ตามลำดับ หากไม่มีมาตรการรองรับ

“ทางรอดของเรามีทางเดียวคือการปรับตัวให้อยู่กับน้ำให้ได้ การออกแบบเมืองให้มีที่ให้น้ำอยู่ (Room for the river) อย่างเพียงพอ เริ่มจากมาตรการไม่ใช้สิ่งก่อสร้าง (Nature-based solutions) และมาตรการเชิงโครงสร้าง (Green dike) โดยต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคามรหัสแดงจากบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” รศ.ดร.เสรีระบุ

อาจารย์เสรี เป็นคนไทยหนึ่งเดียวที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้เขียนนำและประเมินรายงานในบทที่ 4 ว่าด้วยเรื่องน้ำ ในรายงานการประเมินสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉบับที่ 6 (IPCC-AR6) ปี 2564-2565 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) และรหัสแดงสำหรับมนุษยชาติในบทที่ 4 นี้คือ ‘ภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น’

นอกจากนี้ รศ.ดร.เสรี ยังนำผลการศึกษาข้อบ่งชี้ถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยคุกคามน้ำท่วมชายฝั่งทะเลบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 แหล่งข้อมูลสำคัญเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ดังนี้

  1. Flood Delta City Index Drivers to Support Adaptation of Cities (TuDelft, 2017) ซึ่งมีการประเมิน 38 เมืองริมชายฝั่งทะเลทั่วโลก รวมทั้งกรุงเทพฯ โดยใช้ฐานข้อมูลจากรายงาน IPCC-AR5 ซึ่งพบว่า ความเสี่ยงของกรุงเทพฯ อยู่ในลำดับที่ 7 มูลค่าความสูญเสียจากปัจจุบัน 10,700 ล้านบาทต่อปี (ในปี 2558) เพิ่มเป็น 32,700 (205%) ล้านบาทต่อปี (ในปี 2573 ภายใต้ฉากทัศน์ RCP4.5) และเพิ่มเป็น 48,000 (346 %) ล้านบาทต่อปี (ภายใต้ฉากทัศน์ RCP8.5)
  2. Hydrological Res. Letter, 2020 ใช้ฐานข้อมูล IPCC-AR5 กับข้อมูลระดับความสูงต่ำของพื้นที่ โดยพบว่า กรณีน้ำขึ้นถึงระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 1.11 เมตรระดับทะเลปานกลาง หรือ ร.ท.ก. หรือ MSL) มีพื้นที่จมน้ำประมาณ 2,520 ตร.กม. ประชาชนกว่า 3.9 ล้านคนได้รับผลกระทบ ในอนาคตหากระดับน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1.10 เมตร (RCP8.5) จะมีพื้นที่จมน้ำเพิ่มเป็น 6,140 ตร.กม. และประชากรจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านคน โดยมีขอบเขตพื้นที่น้ำท่วมรุกล้ำในแผ่นดินประมาณ 80 กม.
  3. Hooijer & Vernimmen (Nature Communications, 2021) มีการใช้ข้อมูล Global Lidar ประเมินพื้นที่น้ำท่วมชายฝั่งทะเลบริเวณประเทศแถบโซนร้อน รวมทั้งปากแม่น้ำเจ้าพระยา โดยทั้งสามผลศึกษาบ่งชี้ถึงความเสี่ยง และความเปราะบาง รวมทั้งความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยคุกคามน้ำท่วมชายฝั่งทะเลบริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างมีนัยสำคัญ

ล่าสุดหน่วยงานอิสระ Climate Central ได้พัฒนา Web. Application (https://coastal.climatecentral.org) โดยใช้ฐานข้อมูลล่าสุดจาก IPCC-AR6 ให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูความรุนแรงของน้ำท่วมชายฝั่งทะเลทั่วโลก ในอนาคตตั้งแต่ปี 2030-2150 โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลปากแม่น้ำเจ้าพระยา

Related posts

การเกษตรรักษ์โลก ‘แหนเป็ด’ ซูเปอร์ฟู้ดแห่งอนาคตโปรตีนสูง 45%

เป้าหมาย NDC ความมุ่งมั่นของไทย ก้าวย่างสู่ Net Zero และโลกยั่งยืน

ประโยชน์การเข้าร่วมเวที COP29 โอกาสเข้าถึงเงินช่วยเหลือของไทย