เหตุการณ์หิมะตกในกรุงแบกแดดของอิรักเป็นผลพวงจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง ซึ่งถือเป็นปรากฎการณ์นับ 100 ปีที่เกิดหิมะตกจนทำให้เมืองขาวโพลนไปด้วยละอองสีขาว ซึ่งผู้คนต่างออกจากบ้านมาเล่นหิมะกันด้วยความตื่นตาสนุกสนาน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ทั่วทั้งกรุงแบกแดดซึ่งเคยมีอุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ถึง 51 องศาเซลเซียส ล่าสุดกลายเป็นคนละภาพเมื่อเมืองหลวงของอิรักถูกปกคลุมด้วยหิมะ
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของอิรัก รายงานว่า หิมะที่ตกลงมาทำให้อุณหภูมิในแบกแดดติดลบ 1 องศาเซลเซียสโดยคาดว่าหิมะจะยังตกต่อไปจนถึงวันที่ 12 ก.พ. ทำให้อากาศหนาวเย็นต่อไป ปรากฎการณ์หิมะตกในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองแล้วในรอบ 100 ปี โดยครั้งล่าสุดหิมะตกในกรุงแบกแดดเมื่อปี 2551 แต่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ประชาชนในแบกแดดมีความคุ้นเคยกับสภาพอากาศร้อนมากกว่าอากาศหนาวเย็น
ขณะที่อีกปรากฎการณ์หนึ่งในช่วงฤดูกาล 2561-2562 ประมาณครึ่งหนึ่งของรีสอร์ตในฝรั่งเศสต้องเลื่อนการเปิดให้บริการสกีก่อนวันหยุดคริสต์มาสเนื่องจากลมร้อนที่พัดมาจากทางใต้ทำให้ไม่มีหิมะพอ
โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาฝรั่งเศส (Meteo France) รายงานว่า ฤดูกาลปี 2561-2562 มีหิมะตกน้อยที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการวัดปริมาณหิมะเมื่อ 22 ปีที่ผ่านมา
สกีรีสอร์ต Cambre d’Aze ในเมืองเอเนอ แถบเทือกเขาปีเรเน ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสติดกับสเปน เผชิญกับวิกฤตขาดแคลนหิมะเนื่องจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงอย่างมาก
ภาพที่ถ่ายไว้เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 ปรากฎว่าลานสกีของรีสอร์ตแห่งนี้แทบจะไม่มีหิมะเลย จะเห็นได้ว่ามีเพียงหิมะปกคลุมพื้นดินเบาบาง ทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาวและควรที่จะมีหิมะตกหนักจนหนาพอสำหรับเล่นสกี
จากการรายงานของสำนักข่าว AFP รีสอร์ตแห่งนี้มีลานสกี 23 แห่ง แต่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้เลยแม้แต่ลานเดียว
นอกจากน้ำแข็งแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าธารน้ำแข็งของเทือกเขาปีเรเนกำลังเผชิญกับหายนะ เพราะอาจหายไปภายใน 30 ปี เพราะอุณหภูมิสูงขึ้น
“เราไม่สามารถกำหนดวันที่แน่นอนได้ แต่ธารน้ำแข็งปีเรเนนั้นถึงวาระสุดท้ายแล้ว” ปิแอร์ เรอเน่ ผู้เชี่ยวชาญด้านธารน้ำแข็งของสมาคมการศึกษาธารน้ำแข็งเมืองโมแรนกล่าวกับ AFP
เขาประเมินว่าจุดจบจะมาถึงภายในปี 2593 จากการวัดสภาพของกลุ่มธารน้ำแข็ง 9 จากทั้งหมด 15 แห่งของเทือกเขาทางฝั่งฝรั่งเศสในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา
เรอเน่ กล่าวว่าพื้นที่ผิวทั้งหมดของธารน้ำแข็งทั้ง 9 แห่งที่ทำการสำรวจ ล่าสุดอยู่ที่ 79 เฮกตาร์ เมื่อเทียบกับ 140 เฮคเตอร์เมื่อ 17 ปีก่อน แต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ธารน้ำแข็งกว้างใหญ่ถึง 450 เฮคตาร์
ตั้งแต่ปี 2545 ธารน้ำแข็งทั้ง 9 แห่งได้สูญเสียพื้นที่ไป 3.6 เฮกตาร์หรือ 22.5 ตารางกิโลเมตรทุกปี ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอล 5 แห่ง เมื่อปีที่แล้วธารน้ำแข็ง 5 แห่งที่โมเรนหดตัวลงโดยเฉลี่ย 8.1 เมตรในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว โดยหดตัวเพิ่มขึ้นจากอัตราที่วัดได้ 7.9 เมตรที่บันทึกไว้ในปีก่อนหน้า
อ้างอิง/ขอบคุณข้อมูล posttoday :
https://www.posttoday.com/world/614545
https://www.posttoday.com/world/614540