26 ธันวาคม “วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ” ทบทวนสถานการณ์สัตว์ป่าในประเทศไทย ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการค้าสัตว์ป่า การสูญเสียถิ่นที่อยู่ และความเหลื่อมล้ำในการอนุรักษ์
ในอดีตประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลยังไม่ถูกรุกราน จึงชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ต่อมาเมื่อมีการค้าขายและเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ สัตว์ป่าจึงเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับความนิยม ทั้งการส่งนอแรด งาช้าง และของป่า ไปขายยังต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ชีวิตสัตว์ป่าเริ่มถูกรุกราน ทำให้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นที่สัตว์ป่าบางชนิด เช่น สมัน ต้องสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยอย่างน่าเสียดาย
วันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปี ได้ถูกกำหนดให้เป็น “วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ” โดยมีการกำหนดขึ้นครั้งแรก ในปี 2503 สมัยรัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้มีการร่างกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าขึ้น คือ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ปัจจุบันมีฉบับล่าสุด คือพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลงนามในพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562
สัตว์ป่าที่ได้รับการคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติ มีทั้งหมด 4 ประเภท
- สัตว์ป่าสงวน คือ สัตว์ป่าหายากหรือสัตว์ป่า ที่ใกล้สูญพันธุ์ จำเป็นต้องสงวนและอนุรักษ์ ไว้อย่างเข้มงวด
- สัตว์ป่าคุ้มครอง คือ สัตว์ป่าชนิดที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ หรือจำนวนประชากรของสัตว์ป่าชนิดนั้น มีแนวโน้มลดลงอันอาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
- สัตว์ป่าคุ้มครองเพาะพันธ์ได้ คือ สัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่มีศักยภาพในการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สมควรส่งเสริมให้มีการเพาะขยายพันธุ์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้
- สัตว์ป่าควบคุม คือ สัตว์ป่าชนิดที่ได้รับความคุ้มครองตามอนุสัญญา CITES และสัตว์ป่าอื่นที่ต้องมีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ในการรักษาจำนวนประชากรของสัตว์ป่าอื่นนั้น
สัตว์ป่าสงวนในปัจจุบันมีกี่ชนิด
หากอ้างอิงจากพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง สัตว์ป่า พ.ศ. 2503 สัตว์ป่าสงวน ในประเทศไทยจะมีทั้งหมด 9 ชนิด ได้แก่ แรด กระซู่ กูปรี ควายป่า สมัน เนื้อทราย เลียงผา กวางผา และละองหรือละมั่ง ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด แต่ในปัจจุบัน สัตว์ป่าสงวน ล่าสุด ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2564 มีการเพิ่มลิสต์รายชื่อสัตว์ป่าสงวนล่าสุด ในประเทศไทย ดังนี้
- แรด หรือ แรดชวา หรือแรดนอเดียว
- กระซู่
- สมเสร็จ
- กูปรี (โคไพร)
- ควายป่า
- เลียงผา
- กวางผา
- สมัน
- ละอง และ ละมั่ง
- เก้งหม้อ
- วาฬบรูด้า
- วาฬโอมูระ
- พะยูน (หมูน้ำ)
- แมวลายหินอ่อน
- นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
- นกแต้วแร้วท้องดำ
- นกกระเรียน
- เต่ามะเฟือง
- ฉลามวาฬ
- นกชนหิน
- วาฬสีน้ำเงิน
สัตว์ป่าคุ้มครอง
- สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม: 201 ชนิด เช่น กระต่ายป่า, ลิง, เสือ
- นก: 952 ชนิด เช่น ไก่ฟ้า, นกแก้ว
- สัตว์เลื้อยคลาน: 91 ชนิด เช่น งูหลาม, จระเข้
- สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก: 12 ชนิด เช่น กบ, คางคก
- ปลา: 14 ชนิด เช่น ปลาตะพัด
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติสัตว์ป่า ห้ามล่าสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครอง รวมถึงการค้าและการครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ที่ฝ่าฝืนจะต้องรับโทษตามกฎหมาย ทั้งจำ ทั้งปรับ
สถานการณ์สัตว์ป่าในประเทศไทย: ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
ใน “วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ” การทบทวนสถานการณ์สัตว์ป่าในประเทศไทยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราเข้าใจถึงความท้าทายที่สัตว์ป่าต้องเผชิญ รวมถึงแนวทางในการอนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ซึ่งสถานการณ์สัตว์ป่าในประเทศไทยมีความหลากหลายและซับซ้อน โดยมีการเพิ่มขึ้นในบางชนิดและลดลงในบางชนิด ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์
การเพิ่มขึ้นของประชากรสัตว์ป่า
เสือโคร่ง: ประชากรเสือโคร่งในประเทศไทย มีการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยในปี 2567 มีการประเมินว่ามีเสือโคร่งประมาณ 179-223 ตัว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจาก 41 ตัวในปี 2557 และ 100 ตัวในปี 2565 การอนุรักษ์เสือโคร่งได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การลดลงของประชากรสัตว์ป่า
ช้างป่า: พื้นที่อาศัยของช้างป่าลดลงถึง 67% ตั้งแต่ปี 1700 ถึงปี 2015 ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ปัจจุบันพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับช้างป่าลดลงอย่างมาก เนื่องจากการพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมและการขยายตัวของเมือง
นกชนหิน: นกชนหิน (Helmeted Hornbill) ถูกจัดอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ โดยมีประชากรไม่เกิน 100 ตัวในธรรมชาติ รัฐบาลได้ประกาศให้นกชนหินเป็นสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 เพื่อช่วยในการอนุรักษ์
ปัจจัยท้าทายการคุ้มครองสัตว์ป่า
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีทั้งสัตว์ป่าที่เป็นเอกลักษณ์ และสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีวิตของสัตว์หลายชนิด แต่ในปัจจุบันสถานการณ์ของสัตว์ป่า ทั้งในระดับการอนุรักษ์และการคุ้มครอง มีความท้าทายมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของสัตว์ป่า
- การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย การขยายตัวของเมือง การเกษตรกรรม การตัดไม้ทำลายป่า และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ก่อให้เกิดการสูญเสียพื้นที่ป่าธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า การทำลายป่าเหล่านี้ ทำให้สัตว์ป่าหลายชนิดไม่มีที่อยู่อาศัย หรือแหล่งอาหาร ส่งผลให้ประชากรสัตว์ป่าลดลงอย่างรวดเร็ว
- การล่าสัตว์และการค้าสัตว์ป่า ประเทศไทยยังคงเป็นเส้นทางหลักในการค้าสัตว์ป่าของเอเชีย ซึ่งส่งผลให้เกิดการล่าสัตว์อย่างผิดกฎหมาย และการคุกคามต่อประชากรสัตว์ป่า แม้ว่าจะมีการออกกฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ทั้งในประเทศและในระดับสากล แต่การล่าสัตว์ และการค้าสัตว์ป่า ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในประเทศไทย สัตว์หลายชนิดถูกล่าเพื่อขายในตลาดมืด หรือเพื่อการค้าเครื่องใช้จากสัตว์ เช่น หนัง งา หรือส่วนต่างๆ ที่ใช้ในเครื่องประดับและยา การกระทำดังกล่าวมีผลต่อการลดจำนวนสัตว์ป่าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์
- สัตว์ป่าที่อยู่ในข่ายเสี่ยงสูญพันธุ์ ในปัจจุบันมีสัตว์ป่าหลายชนิดที่อยู่ในข่ายเสี่ยงสูญพันธุ์ในประเทศไทย เช่น เสือโคร่ง สิงโตป่า นกกระเรียนไทย และช้างป่า โดยสถานการณ์เหล่านี้ เกิดจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย การล่าสัตว์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ
บทสรุป การอนุรักษ์สัตว์ป่าในประเทศไทย ยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่ก็มีความพยายามในการอนุรักษ์ และฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง การร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคน จึงเป็นกุญแจสำคัญ ในการปกป้องและคุ้มครองสัตว์ป่าในประเทศไทย ให้คงอยู่ในระบบนิเวศของเราอย่างยั่งยืน