สถานการณ์ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน PM 2.5 หรือเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ประกาศปิดโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 50 เขต 437 แห่ง เริ่มเที่ยงวันนี้ และวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.นี้ เพื่อคุมมลพิษจากปัญหาฝุ่น PM 2.5
เว็บไซต์กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศ พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เมื่อวันที่ 30 มกราคม ระบุว่า คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ และเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ค่าฝุ่นพิษพุ่งขึ้นจนถึงขั้นวิกฤตเป็นสีแดงในหลายจุด อาทิ ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน บริเวณ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ และบริเวณ ถ.คู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง สมุทรสาคร ที่มีค่าพุ่งสูงสุดวัดได้ 144 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
พื้นที่ที่มลพิษทางอากาศเกินค่ามาตรฐานขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ใน กทม. เช่น ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน, แขวงบางนา เขตบางนา, แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ, แขวงดินแดง เขตดินแดง , ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน, ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี , ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง, แขวงพญาไท เขตพญาไท , แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง,
พื้นที่ปริมณฑล เช่น ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม, ต.บางกรวย อ.บางกรวย นนทบุรี, ต.คลองหนึ่งอ.คลองหลวง ปทุมธานี, ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ตลาด อ.พระประแดง สมุทรปราการ, ต.ปากน้ำ อ.เมือง สมุทรปราการ, ต.บางเสาธงอ.บางเสาธง สมุทรปราการ, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน สมุทรสาคร, ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 อ.เมือง ที่เหลือเป็นพื้นที่มีฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10)
อีกฟากโลก ภูมิภาคมิดเวสต์ของสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญสภาพอากาศหนาวสุดขั้ว หลายมลรัฐต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อรับมือ ทางการเตือนจะมีผู้ที่ต้องประสบภัยจากสภาพอากาศเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งกว่า 55 ล้านคน
สำนักข่าว บีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่ผ่านมาว่า ในสัปดาห์นี้สหรัฐจะเผชิญกับสภาพอากาศเยือกแข็งสุดขีด จากอิทธิพลของ “ลมวนขั้วโลก” หรือ polar vortex ซึ่งอาจทำให้อุณหภูมิในบางพื้นที่ของอเมริกาลดต่ำลงไปอยู่ที่ -53 องศาเซลเซียส
จอห์น กาแกน นักอุตุนิยมวิทยาของสำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติ (NWS) ระบุว่า ความรุนแรงของอากาศหนาวในรอบนี้ เป็นเรื่องที่ชาติหนึ่งจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว NWS เตือนด้วยว่า หากอยู่กลางแจ้งท่ามกลางสภาพอากาศสุดขั้วเช่นนี้อาจทำให้ถูกน้ำแข็งกัดได้ภายในเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้น
สำหรัลมลรัฐในภูมิภาคมิดเวสต์ของสหรัฐที่กำลังเผชิญอากาศหนาวเหน็บ เช่น รัฐวิสคอนซิน, มิชิแกน และอิลลินอยส์ รวมทั้งรัฐทางใต้ที่ปกติอากาศจะอบอุ่นกว่า อย่างรัฐแอละแบมากับรัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งได้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินให้ประชาชนเตรียมรับมือกับลมวนขั้วโลกลูกนี้แล้ว โดยคาดว่าประชาชนอย่างน้อย 55 ล้านคนจะได้เผชิญกับอากาศหนาวเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ส่วนทางการรัฐไอโอวา เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการหายใจลึกและให้พูดน้อยๆ เวลาออกนอกอาคาร
ทั้งนี้ พยากรณ์อากาศสหรัฐ คาดว่า ช่วงที่อุณหภูมิต่ำที่สุดจะอยู่ระหว่างวันอังคารและวันพฤหัสบดี และจะทำให้เมืองชิคาโกหนาวเย็นกว่าขั่วโลกใต้เสียอีก ขณะที่จะมีหิมะตกสูงกว่า 2 ฟุตที่รัฐวิสคอนซิน และ 6 นิ้วในรัฐอิลลินอยส์ ผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็นครั้งนี้จะทำให้เที่ยวบินมากกว่า 1,100 เที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกถูกยกเลิกไปแล้วในวันอังคาร โรงเรียน, ธุรกิจ และหน่วยงานรัฐบาลหลายพันแห่งในภูมิภาคมิดเวสต์ต้องปิดทำการ
ด้านพยากรณ์อากาศของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า สภาพอากาศที่หนาวจัดที่กำลังปกคลุมหลายมลรัฐจะส่งผลให้ชาวอเมริกันกว่า 110 ล้านคนทั่วประเทศได้รับผลกระทบ
ขณะที่อีกขั้วโลก เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา เอเอฟพีรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งทางภาคตะวันออกของออสเตรเลียกำลังเข้าขั้นวิกฤต โดยคาดว่ามีปลานับล้านตัวตายเกลื่อนแม่น้ำ และมีแนวโน้มจะตายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังพบปลาตายจำนวนหลายแสนตัวบริเวณริมชายฝั่งแม่น้ำเมอร์เรย์ และดาร์ลิง ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยสาเหตุจากฝนทิ้งช่วงจาเกิดภัยแล้ง เนื่องจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผลกระทบเกิดขึ้นในวงกว้าง เนื่องจากแม่น้ำดาร์ลิง เป็นสาขาแม่น้ำเมอร์เรย์-ดาร์ลิง ที่ไหลผ่านหลายรัฐเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร
ปรากฎการณ์ที่เป็นผลพวงจากสภาพอากาศดังกล่าว สื่อท้องถิ่นระบุว่า หลายพื้นที่ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ในออสเตรเลียร้อนจัดโดยที่อุณหภูมิพุ่งเกิน 45 องศา โดยเมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมามีสถานที่ราว 27 แห่งในรัฐนิวเซาท์เวลส์มีอุณภูมิสูงเกิน 45 องศา ซึ่งนับว่าร้อนทำลายสถิติตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่ในเขต Penrith ชานนครซิดนีย์มีอุณหภูมิสูงถึง 42 องศา ซึ่งแตกต่างในอุณหภูมิของนครซิดนีย์ที่อยู่ราว 29 องศา เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมทะเล
ระดับอุณหภูมิที่สูงขึ้นยังส่งผลให้ทางหลวงสายออกซ์ลีย์ใกล้กับเมือง Wauchope ปรากฎผิวถนนได้รับความเสียหายจากความร้อน รวมถึงรางรถไฟที่เสียหายจากความร้อนเช่นกัน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า คลื่นความร้อนแผ่ปกคลุ่มทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้นเกือบ 45 องศา จนทำให้ค้างคาวแม่ไก่ในเมืองซิดนีย์ พากันร้อนตายจนร่วงจากต้นไม้มากองบนพื้นดิน
#คำต่อคำวิสัยทัศน์ผู้นำแก้ฝุ่นพิษ
คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดงานมหกรรมยุทธศาสตร์ชาติ “อนาคตไทย อนาคตเรา” our country our future ว่า…
“ผมไม่ได้พูดหรือโจมตี หรือตัดรอนเกษตรกรอย่างที่มีคนกล่าวหา เพียงแต่บอกว่าการเผาวัชพืชหรือตอซังข้าว ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง”
“วันนี้มีการนำเรื่องฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน มาหาเสียงโจมตีรัฐบาล ที่ผ่านมาเราพยายามทำทุกอย่าง ตอนนี้มาตรการระยะสั้นคือใช้น้ำแก้ปัญหา ให้ข้อมูลประชาชน มีการจัดหาหน้ากากให้ แต่ก็ยังมีคนบ่นว่าถ้าเด็กทำหน้ากากหลุดแล้วจะทำอย่างไร ต้องถามกลับไปว่า แล้วผมจะต้องไปใส่หน้ากากให้เด็กหรืออย่างไร”
“ได้สั่งการแล้วว่าให้มีการแจ้งเตือนประชาชนในเขตพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ซึ่งในกรุงเทพมหานคร พื้นที่ใดไม่ได้รับการแก้ไขเลย และไม่มีคำชี้แจงว่าได้ดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง ผมจะสั่งลงโทษผู้อำนวยการเขต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ”
“ในด้านการจราจร ต้องมีการตรวจรถควันดำ…ดังนั้นรถดีเซล ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถบัส ต้องตรวจเช็คสภาพรถจากอู่มา ต่อไปถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ เจอผิดตรงไหน ต้องจอดตรงนั้น แล้วให้หาคนมารับเอง ถ้าทุกคนต้องการให้ผมเข้มงวด ผมจะทำให้ ควันดำตรงไหนจอดตรงนั้น ลากเอาไปเก็บจนกว่าจะปรับปรุงแล้วค่อยวิ่งได้ ผมจะสั่งแบบนี้นะ ถ้ายังแก้ไม่ได้ ดูซิจะเดือดร้อนกันหรือไม่”
“ต่อไปรถที่วิ่งเข้ามาในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ถ้าแก้ไขยังไม่ได้ ผมจะให้วิ่งรถเป็นวันคู่ วันคี่ และต่อไปจะห้ามไม่ให้รถดีเซลวิ่งบนถนนเหล่านี้ มันจะมีปัญหากันอีกหรือไม่ เมื่อทุกคนบอกว่า ผมอ่อนเกินไปในเรื่องนี้ ไม่เข้มงวดจริงจัง แต่ความจริงผมพร้อมทำทุกอย่าง ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกัน”
“ในต่างจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นสมุทรปราการ สมุทรสาคร ต้องทำให้ค่าฝุ่นละอองลดลงให้ได้ ส่วนภาคอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมอาจต้องปิดโรงงานในช่วงเช้า บ่าย หรือเย็น หรือช่วงที่ค่าฝุ่นละอองสูง ขอให้เตรียมตัวไว้ และจะมาบอกว่านายกฯไม่เอาใจใส่อีกไม่ได้ คอยดูก็แล้วกัน ว่าจะมีอะไรกลับมาหรือไม่ จะยอมเสียสละกันหรือไม่”
“วันนี้จะขอให้รณรงค์กัน โรงงานหยุดทำการในช่วงเช้าหรือเย็นได้หรือไม่วันละ 1 ชั่วโมงก็ยังดี แล้วจะต้องตรวจโรงงาน โดยใช้อำนาจ คสช.ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. แต่ละจังหวัดเข้าไปตรวจสอบทุกโรงงาน ซึ่งวันนี้ได้ออกคำสั่งแล้ว เพื่อให้ดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
“เดี๋ยวผมจะออกคำสั่งคสช. แต่ไม่ใช้มาตรา 44 เพราะมาตรา 44 นั้น มีอำนาจอยู่แล้ว พอใจหรือไม่ที่ผมประกาศแบบนี้ ต่อไปนั่งรถคนเดียวไม่ได้ ต้องมีเพื่อนนั่งรถไปด้วย 2-3 คน เอากันสิครับ ด่าผมดีนัก ว่าอย่างนี้ทำหรือไม่ทำ เด็กไอจะเป็นเลือดอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ผมจะทำให้ ต่อไปนี้ไปไหนต้องชวนเพื่อนไปด้วย จะนั่งแท็กซี่คนเดียวไม่ได้ ต้องลากคนขึ้นไปด้วย 2-3 ที่หมาย ถ้าไม่แก้กันผมจะทำแบบนี้”
“เดี๋ยวจะทบทวนว่าจะทำอะไรได้บ้าง แต่วันนี้จะออกคำสั่งไปก่อน กอ.รมน. และทหารทุกคน ต้องเข้าไปตรวจทุกโรงงาน น้ำเสีย ขยะ ใครทำสารพิษ ไปจี้ไปดู แล้วรายงานให้ผม ผมจะลงโทษหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัด 76 จังหวัด จะมีใครคัดค้านผมบ้าง ใครไม่เห็นชอบให้บอกมา…เงียบแสดงว่าทุกคนเห็นชอบร่วมกับผม หากมีอะไรสะท้อนกลับมาก็ช่วยกันรับผิดชอบด้วย ยุให้นายกฯทำดีนัก แต่พอมีเรื่อง กูไปก่อน”