ภาคกลาง 5 จังหวัดเตรียมรับมือ 8 -14 ต.ค.ระบายน้ำป่าสักฯ เพิ่มขึ้น

แจ้งเตือน 5 จังหวัด ประกอบด้วย ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ริมน้ำให้เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 65 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งว่า 5 จังหวัดลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี ให้เฝ้าระวังผลกระทบจากการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักและแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 65 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ปภ. ได้รับแจ้งจากกรมชลประทานว่า จะมีปริมาณน้ำท่าไหลเข้าเขื่อนป่าสักฯ ระหว่างวันที่ 8 -14 ต.ค. 65 รวม 492.38 ล้านลูกบาศก์ (ลบ.ม.)เมตร และวันที่ 14 ต. 2565 คาดการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักฯ จะมีจำนวน 1,030.61 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้น กรมชลประทานจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักฯ จากอัตรา 830 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 900 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับเพื่อควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม จะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักฯ ตั้งแต่ท้ายเขื่อน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ถึงเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 30 –50 เซนติเมตร โดยปริมาณน้ำที่ระบายเพิ่มขึ้นจะส่งผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ อ.ท่าเรือ อยู่ระหว่างอัตรา 80 – 120 ลบ.ม.ต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป

สำหรับน้ำเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,099 ลบ.ม./วินาที เมื่อวาน 3,094 ลบ.ม./วินาที น้ำเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,048 ลบ.ม./วินาที เมื่อวานอยู่ที่ 2,978 ลบ.ม./วินาที น้ำเขื่อนป่าสักฯ ระบายน้ำ 900.52 ลบ.ม./วินาที เมื่อวาน 861.28 ลบ.ม./วินาที

ท้ายเขื่อนพระรามหก ปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,043 ลบ.ม./วินาที เมื่อวานอยู่ที่ 1,052 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำคลองระพีพัฒน์ผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ 110 ลบ.ม./วินาที เมื่อวานอยู่ที่ 60 ลบ.ม./วินาที

ขณะที่จุดชี้วัดน้ำท่วมกรุงเทพฯ และปริมณฑลต้องปริมาณน้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดอยู่ที่ 2,982 ลบ.ม./วินาที เมื่อวานอยู่ที่ 3,091 ลบ.ม./วินาที ถือว่าลดลง เมื่อเทียบกับการระบายเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ซึ่งเป็นการระบายจุดนี้สูงที่สุดในรอบเดือนนี้ดดยอยู่ที่ 3,218 ลบ.ม./วินาที ในขณะที่น้ำท่วมใหญ่ปี 54 ปริมาณน้ำผ่านบางไทรสูงสุดอยู่ที่ 3,860 ลบ.ม./วินาที และเทียบกับปี 64 น้ำจากฝั่งเขื่อนป่าสักฯ ระบายอยู่ที่ 900-1,000 ลบ.ม./วินาที

ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร รวมทั้งพื้นที่จุดเสี่ยงให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” รวมทั้งสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM หรือโทรสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

Related posts

จัดเดิน-วิ่ง มินิมาราธอน ปีที่ 2 ส่งต่อขาเทียมช่วยผู้พิการยากไร้

‘COP-19’ ดันอาเซียน เป็นภูมิภาคปลอด หมอกควัน

5 ปีอุณภูมิโลกส่อทะลุ 1.5 องศา ไทยเร่งรับมือ 6 สาขาเสี่ยงระดับพื้นที่