อัปเทรนด์ท่องเที่ยวสีเขียว5 เมืองสิ่งแวดล้อมสุดยั่งยืน

ใกล้สิ้นปีหลายคนเริ่มวางแผนจัดทริปส่งท้ายปีเก่า หรือแผนล่วงหน้าสำหรับปีถัดไป IGreen มี 5 เมืองสีเขียวมาให้เป็นทางเลือกสำหรับการออกไปเติมพลังชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่วนคนที่ยังไม่มีแพลนได้ไป (เหมือนอย่างพวกเรา IGreen) ก็เที่ยวทิพย์กันไปก่อนแล้วกัน

1. อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์

อัมสเตอร์ดัมไม่เพียงแต่เป็นเมืองที่มีคุณสมบัติ “เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” เท่านั้น แต่ยังมีความพยายามที่จะไปให้ถึงเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่วางไว้ รวมถึงการสร้างค่านิยมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การรับประทานอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ เลิกใช้พลาสติก การลดการปล่อยคาร์บอน และการปั่นจักรยานซึ่งเป็นเป็นพาหนะหลักของเมือง!
กิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การเช่าจักรยานพร้อมเตรียมอาหารปลอดเนื้อสัตว์ไปปิกนิกตามสวนสาธารณะหรือริมคลองในเมืองซึ่งมีมากกว่า 160 แห่ง เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่มีมากกว่า 50 แห่ง เช่าเรือไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อล่องเรือในคลองเก่า เยี่ยมชมตลาดโบราณ หรือตลาดของเกษตรกรที่มีสีสันสดใสแห่งหนึ่งในเมือง

2. เวียนนา, ออสเตรีย

เวียนนาไม่ได้มีชื่อเสียงในด้านประวัติศาสตร์ ดนตรีและวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักในเรื่องเมืองสีเขียวอีกด้วย เมืองอันโอ่อ่าแห่งนี้มีระบบแบ่งปันจักรยาน (Sharing System) ให้เช่ามากกว่า 20,000 คันสำหรับผู้มาเยือนและคนในท้องถิ่น พื้นที่สีเขียวในเมืองล้วนได้รับการจัดการร่วม ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น ผู้อยู่อาศัยในชุมชน สภาเทศบาลเมือง และกลุ่มธุรกิจต่างๆ
ผังเมืองถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถเดินและปั่นจักรยานได้สะดวก มีอุทยาน Stadtpark ซึ่งเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ 65,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่นอกเมือง เป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ราบน้ำท่วมใหญ่สุดท้ายของยุโรปกลาง

3. สิงคโปร์

สิงคโปร์เป็นอีกประเทศที่ทุ่มเทเพื่อการสร้างเมืองที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนที่สุดในเอเชีย มีการใช้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดสำหรับคุณลักษณะอาคารตั้งแต่ปี 2551 โดยอาคารที่มีอยู่ทั้งหมดจะต้องผ่านการรับรองเป็นอาคารสีเขียวสำหรับสภาพอากาศเขตร้อนโดยเฉพาะ
สิงคโปร์ยังได้รับการขนานนามอีกว่าเป็น “เมืองแห่งสวน” หนึ่งในนั้นคือ Garden by the Bay สวนใจกลางเมืองที่มีต้นไม้เขตร้อนสูงถึง 50 เมตร และสวนบนดาดฟ้าที่ดูราวกับเป็นเรื่องปกติในสิงคโปร์

4. สตอกโฮล์ม, สวีเดน

หนึ่งในเมืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป โดยมากกว่า 2 ใน 3 ของประชากรในสตอกโฮล์มเดินหรือปั่นจักรยานไปทำงาน มีแหล่งพลังงานหมุนเวียนผลิตไฟฟ้าแก่ผู้อยู่อาศัยในสตอกโฮล์มมากกว่าครึ่งหนึ่ง และเมืองนี้มีมาตรฐานประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับอาคาร
ขณะที่คุณกำลังเดินไปตามถนนที่มีสีสันของสตอกโฮล์มหรือเดินเล่นริมแม่น้ำโซเดอร์สตรอม จะสามารถสูดหายใจลึกๆ เติมอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดได้มากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองในยุโรป
สตอกโฮล์มประกอบด้วยเกาะ 14 เกาะ มีสวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียวจำนวนมาก โดยมากกว่า 80% ของสวนอยู่ห่างจากบ้านเรือนชาวสตอกโฮล์มไม่เกิน 5 นาที

5. เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ประกอบด้วยธารน้ำแข็ง 11% โดยประชากรกว่า 60% อาศัยอยู่ในเมืองหลวง เรคยาวิก เมืองที่ใหญ่ที่สุด
กว่า 90% ของความต้องการพลังงานในประเทศเป็นพลังงานหมุนเวียน ซึ่งได้จากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังงานน้ำ โดยที่เมืองแห่งนี้แทบไม่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเลย
สำหรับน้ำ กล่าวได้ว่าเป็นเมืองที่มีน้ำที่สะอาดที่สุด เนื่องจากมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ อันที่จริงมากกว่า 95% ของน้ำดื่มบนเกาะแห่งนี้เป็นน้ำบาดาลบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการบำบัด
กิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีอยู่ทุกหนแห่ง ตั้งแต่การเดินบนธารน้ำแข็ง การเดินป่าไปจนถึงน้ำพุร้อนภูเขาไฟ การล่องแก่ง ตั้งแคมป์ ขี่ม้า สำรวจถ้ำ ดูนก หรือเยี่ยมชมหาดความร้อนใต้พิภพ Nauthólsvík
ในการเดินทางรอบเรคยาวิก สามารถเดิน ขี่จักรยาน หรือขึ้นรถบัสไฮโดรเจนของเมือง และถ้าเลือกเช่ารถยนต์ไฟฟ้า EV จะได้ฟรีที่จอดรถ

อ้างอิง:
• Cristen Hemingway Jaynes, 10Nov2022, “10 of the Greenest Cities in the World”, EcoWatch
• Stephanie Cole, “21 Most Eco-Friendly Cities in the World”, TheRoundup.org

Related posts

มหาอำนาจโลกในมือ ‘ทรัมป์’ จุดจบการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศ?

โลกจมกองพลาสติก ต้องเปลี่ยนวิธีผลิต ลดการบริโภค กำจัดอย่างยั่งยืน

อุณหภูมิทะลุ 3.1°C แผนลดก๊าซเรือนกระจกในปี 2030 เป็นเรื่องเพ้อฝัน