รัฐบาลอังกฤษเตรียมประชุมขึ้นภาษีถุงพลาสติกขึ้นเป็น 2 เท่า เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกในกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งอาจมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2563
ก่อนหน้านี้ร้านค้าปลีกขนาดเล็กที่ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี ได้ใช้ถุงพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งปีละ 3.6 ล้านถุง Theresa Mary นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร จึงได้ออกมาผลักดันนโยบายใหม่เพื่อให้ครอบคลุมร้านค้าทุกร้านในสหราชอาณาจักร โดยการปรับขึ้นภาษีถุงพลาสติกจากใบละ 5 เพนซ์ (ประมาณ 2 บาท)/ 1 ถุง เป็น 10 เพนซ์/1 ถุง
นอกจากนี้ เดเมน ไฮดส์ เลขานุการกระทรวงศึกษาของอังกฤษ ได้ออกมารณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติกภายในสถานศึกษา โดยการเรียกร้องให้โรงเรียนต่างๆ เปลี่ยนการใช้หลอด และบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากพลาสติกเป็นวัสดุอื่นที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติแทน ทั้งนี้ให้ทุกอย่างดำเนินการเสร็จภายในปี 2565
โรเจอร์ แฮร์ราบิน นักวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมจากสำนักข่าว BBC ได้มาวิเคราะห์กระแสการรณรงค์ของรัฐบาลอังกฤษว่า การกำหนดราคาภาษีที่สูงขึ้นนี้ อาจใช้ได้ผลกับคนที่จำเป็นต้องหิ้วของจำนวนมาก แต่สำหรับผู้ที่ซื้อของเพียงเล็กน้อยอาจจะยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เพนซ์ก็ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อรัฐบาลในเรื่องภาษีสิ่งแวดล้อมในอนาคต ในขณะที่ร้านค้าหลายร้านนำเงินภาษีที่ได้จากผู้บริโภคมาบริจาค เป็นจำนวนเงินกว่า 51 ล้าน ปอนด์ในปี 2017-2018
Oceanographer Laura Foster หัวหน้า Clean Seas ที่ MCS กล่าวว่า หลังจากมีมาตราการเก็บภาษีถุงพลาสติกปริมาณขยะที่พบบนชายหาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด สิ่งนี้จึงแสดงให้เห็นได้ถึงประสิทธิภาพจากมาตราการที่สามารถลดปริมาณขยะในขณะเดียวกันก็หาเงินบริจาคให้กับองค์กรการกุศลระดับท้องถิ่นระดับชาติและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
